เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร ตอนล่าง ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา มีมวลน้ำมหาศาลเหนือสันอ่างเต็มพื้นที่กว่า 6,000 ไร่ วัดปริมาณได้ 35 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 126% เกินความจุกักเก็บ 27 ล้านลูกบาศก์เมตร ตลอด 2 สัปดาห์มีฝนตกหนักพื้นที่เหนืออ่างทุกวัน ทำให้มีน้ำจำนวนมากไหลลงอ่างวันละ 4.4-4.7 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ระบายน้ำได้แค่วันละ 3.5 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำสูงที่สุดในรอบ 50 ปี ตั้งแต่ก่อสร้างอ่างเมื่อปี 2514

ร้อยตรีฐนนท์ธรณ์ กวีกิจรัตนา นายกเทศมนตรีตำบลบัลลังก์ นำเจ้าหน้าที่กองช่างพร้อมกำลังทหารเร่งเสริมพนังกั้นน้ำทำเป็นแนวแผงเหล็กปิดทับด้วยถุงทรายบิ๊กแบ็กจำนวนมากบริเวณสะพานเชื่อมคลองระบายน้ำท้ายอ่าง หลังถูกกระแสน้ำซัดจนแตกมาแล้ว 3 รอบ จึงเร่งเสริมแนวกั้นน้ำให้แข็งแรงรองรับมวลน้ำจำนวนมากที่ต้องเร่งระบายลงพื้นที่ด้านล่าง เนื่องจากสัปดาห์นี้จะมีพายุฝนตกหนักลงมาซ้ำอีก

DCIM\100MEDIA\DJI_0016.JPG

ขณะเดียวกันชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบๆ อ่างพากันแตกตื่นแห่มุงดูเจ้าหน้าที่โครงการชลประทานนครราชสีมานำรถแบ๊กโฮขุดเจาะถนนซีเมนต์เพื่อเปิดทางระบายน้ำฉุกเฉินบริเวณด้านทิศใต้เพื่อเร่งระบายน้ำลงสู่ด้านล่าง เนื่องจากมีมวลน้ำมหาศาลจากเขต อ.ด่านขุนทด ไหลทะลักลงอ่างอย่างต่อเนื่องวันละ 4 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่สามารถระบายน้ำได้วันละ 3.5 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงต้องเพิ่มช่องทางระบายน้ำมากขึ้นให้สอดคล้องกับสัดส่วนปริมาณน้ำไหลลงอ่าง อีกทั้งต้องรับมือกับสถานการณ์ฝนตกลงมาทุกวันทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นชาวบ้านพากันหวาดผวาอ่างเก็บน้ำจะรับมวลน้ำมหาศาลไม่ไหวจนถึงขั้นแตกพังเสียหายต้องเฝ้าติดตามดูสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด

มีรายงานว่ามวลน้ำจากลำเชียงไกรหลากท่วมพื้นที่ด้านล่างอย่างน้อย 5 ตำบล 3 อำเภอแล้ว ประกอบด้วย ต.บัลลังก์ ต.กำปัง อ.โนนไทย ต.ธารปราสาท ต.จันอัด อ.โนนสูง และต.โคกสูง อ.เมือง ชาวบ้านได้รับผลกระทบกว่า 200 หลังคาเรือน สถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นอีก