จากกรณีที่ นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ พร้อมนายจิรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา พาผู้เสียหายซึ่งเป็นอดีตผู้บำบัดจากวัดท่าพุราษฎร์บำรุง ต.ด่านมะขามเตี้ย อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ประมาณ 10 คน เข้าร้องทุกข์กับทางกองปราบฯ เพื่อเอาผิดเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับศูนย์บำบัดฯดังกล่าว เนื่องไม่เป็นไปตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงยังมีพฤติกรรมเข้าข่ายความผิดค้ามนุษย์ เนื่องจากมีการทำเป็นขบวนการตั้งแต่จัดหาผู้บำบัด การเรียกรับเงินผลประโยชน์ กักขังทรมานทำร้ายทุบตี ต่อมาชุดจับกุมยาเสพติด สภ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ “หมอปลา” ในข้อหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามที่ได้เคยมีการนำเสนอไปแล้วนั้น

‘ผกก.สภ.สุวรรณภูมิ’ชี้เหรียญมี2ด้าน ย้ำไม่ไกล่เกลี่ยตอนนี้ ลุยเอาผิด ‘หมอปลา’

ทนายไพศาล-ญาติอดีตผู้บำบัดป้อง ‘หมอปลา’ โชว์สลิปโอนเงินให้ ‘ด.ต.’ 6.5 หมื่น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 24 ก.ย. รายการโหนกระแส ของ “หนุ่ม กรรชัย” ได้เชิญหมอปลา และทนายไพศาล รวมทั้งญาติของอดีตผู้บำบัดฯ มาออกรายการ โดยทั้งคู่ได้ระบายถึงความอัดอั้นตันใจว่า รู้สึก “จุก” ที่ช่วยเหลือคนอื่น แต่กลับถูกดำเนินคดีแม้จะเป็นคดีเล็กน้อยก็ตาม ขณะเดียวกัน หนุ่ม กรรชัย ได้โทรศัพท์ไปสอบถาม ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ หลังเจ้าตัวโพสต์เฟซบุ๊ก “ทนายคลายทุกข์” ระบุว่า แหล่งข่าวจาก กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด แจ้งว่า วันนี้ (23 ก.ย.) หลัง 10.00 น. ผู้กำกับ สภ.สุวรรณภูมิ จะไปแจ้งความดำเนินคดีกับหมอปลากับพวก ก่อนจะโพสต์ต่อมาว่า “คดีหมอปลาช่วยเหลือบุคคล ที่บำบัดยาเสพติดกับกรณี/ตร.ร้อยเอ็ดและอาสาแจ้งความหมิ่นประมาทหมอปลา/เป็นคนละประเด็นกัน/ผมเพียงนำเสนอ คำชี้แจง ของตำรวจเท่านั้น พี่น้องประชาชนตัดสินเอาเองว่า จะเชื่อใคร”

ทนายเดชา ระบุว่า หลังเป็นข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามกับ ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด และ ผกก.สุวรรณภูมิ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเท่านั้น เรื่องนี้ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ตนอยากนำเสนอข่าวให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ทั้งหมอปลา ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด และ ผกก.สุวรรณภูมิ ด้วย ส่วนเรื่องที่ว่า ตนเป็นคนรวบรวมพยานหลักฐานให้กับทางตำรวจนั้น ไม่เป็นความจริง ตนแค่โทรศัพท์ไปสอบถามเท่านั้น ทางตำรวจมีทีมกฎหมายอยู่แล้ว ก่อนแจ้งความมีการประชุมทั้งวัน ตนไม่ได้เกี่ยวข้องแต่อย่างใด ส่วนตัวไม่ได้มีปัญหากับหมอปลา และทนายไพศาลแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังไม่ได้รู้จักกับทางตำรวจมาก่อนเป็นการส่วนตัวด้วย

ด้านทนายไพศาล กล่าวกับทนายเดชา ว่า อยากบอกว่า ดูที่เจตนาตนด้วย เราเป็นนักกฎหมายด้วยกัน ทนายไม่ได้มีแค่หน้าที่ว่าความอย่างเดียว มีหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนด้วย อะไรที่ตนล่วงเกินไป กราบขอโทษไว้ตรงนี้ ซึ่งทนายเดชา ก็บอกว่า ตนไม่ได้ติดใจอะไรทนายไพศาล หรือหมอปลาเลย รู้จักกันดี

หมอปลาได้ถามทนายเดชา ว่า ตนติดใจทนายเดชา ที่รู้ทุกซอกทุกมุม ทั้งๆที่ไม่ใช่หมอดู พร้อมกับถามว่า อาจารย์ได้ให้คำปรึกษาตำรวจหรือไม่ ทนายเดชา ตอบว่า “ไม่ได้ให้คำปรึกษา ท่านผู้การมีความรู้ดีอยู่แล้ว มีกองกฎหมายดูแล และไม่ได้รู้จักผู้กำกับแต่อย่างใด”

หมอปลาจึงถามอีกว่า “อาจารย์คบกับผู้กำกับคนนี้หรือไม่” ทนายเดชา ตอบว่า “ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน” หมอปลาจึงทิ้งท้ายว่า “อยากไปวุ่นวาย อยากจะมีแสงใช่หรือไม่ ทนายเดชา จึงตอบว่า “แล้วแต่จะคิดอย่างไรก็ได้ ไม่มีส่วนรู้เห็น ไม่เคยรู้จักตำรวจ มานำเสนอข่าวให้ครบ เพราะตำรวจแจ้งมาว่า การนำเสนอข่าวด้านเดียวไม่เป็นธรรรม ที่สำคัญ ตนไม่จำเป็นต้องไปหาแสง เพราะมีแสงอยู่แล้ว”

ขอบคุณภาพและข้อมูลจากรายการโหนกระแส