จากกรณีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กโพสต์ภาพกำหนดการพิธีศพ น.ส.พราวรวี สหัสธัชพงศ์ หรือน้องโยโกะ พร้อมระบุว่า “แกเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ เป็นคนน่ารักยิ้มสดใสมีเสน่ห์ ขนาดผู้หญิงด้วยกันยังชอบ ตั้งแต่รู้จักกันแกเป็นกันเองมากไม่ถือตัวเลย ขอให้ช่วยอะไรก็ช่วย ความสวยนี่ว่าไม่ได้ เพราะออร่าตั้งแต่มหา’ลัยจนเข้าสู่วงการพริตตี้ ก็ยิ่งสวยขึ้นไปอีก แกเป็นเจ้าแม่ Audi เลยนะ ใครๆ ก็รู้ว่าถ้าไม่รู้ว่าปีนี้แกยืนบูธไหน ก็ให้ไปหาที่ Audi ก่อน เสียใจมาก ใจหายเลย รักแกนะ เราถือศีลอยู่พอดี จะทำบุญกรวดน้ำไปให้นะโย ขอให้แกไปสู่สุคติ ไปอยู่ในภพภูมิที่ดีนะ” เมื่อวันที่ 3 พ.ย.66

ต่อมาครอบครัวของน้องโยโกะ ยังติดใจสาเหตุการเสียชีวิต พร้อมส่งศพไปชันสูตรพลิกศพที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งล่าสุด ศูนย์อำนวยการชันสูตรพลิกศพ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่งผลชันสูตรพลิกศพน้องโยโกะให้ครอบครัว เบื้องต้นสภาพศพภายนอกไม่พบการฟกช้ำ ไม่พบเลือดออก

แต่ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยตรวจคัดกรองยาและสารเสพติดในเลือด โดยวิธีแก๊สโครมาโทกราฟี พบไซยาไนด์ปริมาณ 1.26 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ผลสรุปการตรวจทางจุลพยาธิวิทยา พบสมองบวมน้ำ ปอดก็บวมน้ำ คั่งเลือด ม้ามคั่งเลือด ตรวจไตพบเซลล์ท่อไตตายหลายตำแหน่ง และตับอ่อนเน่า จากผลการตรวจชันสูตรพลิกศพน้องโยโกะที่ออกมา จึงยิ่งทำให้ครอบครัวติดใจสาเหตุการเสียชีวิต และเหตุใดถึงมีไซยาไนด์ปริมาณ 1.26 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ในเลือดตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 13 ม.ค.ที่ สน.คลองตัน พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5. เดินทางมาประชุมติดตามคดีการเสียชีวิตของ น.ส.พราวรวี สหัสธัชพงศ์ หรือ น้องโยโกะ พริตตี้สาว ร่วมกับ พ.ต.อ.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผกก.สน.คลองตัน และ ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.คลองตัน

ภายหลังการประชุมนานกว่า 2 ช.ม. พล.ต.ต.วิทวัฒน์ เปิดเผยว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ ตำรวจสนคลองตัน ได้รับแจ้งเหตุและไปตรวจสอบ พบว่า ผู้ตายเสียชีวิตอยู่บนเตียง มีผ้าห่มคลุมอยู่ครึ่งตัว โดยพบฟองอากาศสีขาวที่ปาก โดยในเบื้องต้นแพทย์สันนิษฐาน ว่า น่าจะมีการทานยาเข้าไป ทั้งนี้จากการตรวจสอบภายในห้อง ไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือ ร่องรอยการถูกรื้อค้นทรัพย์สิน

สำหรับไทม์ไลน์ก่อนจะเสียชีวิตนั้น ฝ่ายสืบสวนได้ข้อมูลจากญาติ และเพื่อนชายของผู้ตาย รวมถึงการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า ช่วงเวลาประมาณ 23:00 น ของวันที่ 30 ตุลาคม ผู้ตายเดินทางออกไปกินเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้านของเพื่อน ของเพื่อนชาย ย่านเอกมัย กทม.โดยขับรถไปเพียงลำพัง และภายในงานเลี้ยงดังกล่าว ผู้ตายมีอาการน้อยใจเพื่อนชาย เนื่องจากเพื่อนชายคนดังกล่าวมีครอบครัวอยู่แล้ว และในช่วงเช้าของวันที่ 31 ตุลาคม หลังกินเลี้ยงเสร็จ ผู้ตายก็ขับรถกลับมาที่ห้องพักที่ลำพัง โดยไม่มีใครมาส่ง

ทั้งนี้จัดการตรวจสอบโทรศัพท์ของผู้ตาย พบว่าในช่วงสายของวันที่ 31 ตุลาคม ผู้ตายได้ มีการเขียนข้อความเอาไว้ในโทรศัพท์ ในลักษณะ การสั่งลา ถึงเพื่อนชายคนดังกล่าว และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 31 ตุลาคม ผู้ตายก็ไม่ออกมาจากห้องอีกเลย

ต่อมาเวลาประมาณ 02.00 ของวันที่ 1 พ.ย. เพื่อนชาย ได้เดินทาง มายังคอนโดมิเนียมของผู้ตาย เนื่องจากไม่สามารถติดต่อผู้ตายได้ แต่เนื่องจากผู้ตายไม่สามารถขึ้นไปยังห้องพักได้ เนื่องจากต้องใช้คีย์การ์ดในการขึ้นลิฟท์ จึงนั่งอยู่ที่ล็อบบี้ของคอนโดดังกล่าว จนถึงเวลาประมาณ 04:00 น ก่อนจะเดินทางกลับไป

ต่อมาเพื่อนชายจึงประสานกับญาติของผู้ตายให้มาดูที่ห้องพัก ซึ่งญาติของผู้ตายได้เดินทางมาที่ห้องพักของผู้ตายในเวลา 20:00 น ของวันที่ 1 พ.ย. โดยประสาน เจ้าหน้าที่นิติบุคคล เพื่อขึ้นไปยังห้องพักของผู้ตาย และพบว่าห้องของผู้ตายล็อกอยู่ เพื่อนชายจึงบอกรหัสเข้าห้องให้กับญาติของผู้ตายทราบและเข้าไปในห้อง จึงพบร่างของผู้ตาย เสียชีวิตอยู่ บนเตียง ทางญาติจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ ซึ่งต่อมาตำรวจได้มีการประสาน แพทย์นิติเวช ให้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเช่นเดียวกัน โดยในขณะนั้น ในเบื้องต้นทางแพทย์เวร ได้แจ้งกับทางตำรวจว่า ผู้ตายน่าจะกินยาเข้าไป เนื่องจากพบฟองอากาศที่ปาก

 และหลังจากนั้นต่อมาเจ้าหน้าที่ได้มีการเข้าตรวจค้นห้อง โดยมีคุณแม่ของผู้ตายร่วมอยู่ด้วย พบว่าภายในตู้เซฟมีขวดไซยาไนด์อยู่ 1 ขวด และยากล่อมประสาทที่ใช้ในการรักษาโรคซึมเศร้าอยู่จำนวนหนึ่ง จึงได้ส่งตรวจที่ หน่วยพิษวิทยา ของสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ทั้งนี้ผลตรวจเบื้องต้นพบว่า ผู้ตายมีไซยาไนด์ ในเลือดปริมาณ 1.26 ไมโครกรัม ต่อ มิลลิลิตร ซึ่งคาดว่าถ้ารับสารพิษเข้าไปในปริมาณขนาดนี้จะเสียชีวิตภายใน 30 นาที

แม่ช็อกผลชันสูตร ‘น้องโยโกะ’ เสียชีวิตด้วยพิษไซยาไนด์ พุ่งปมถูกวางยาหรือไม่

ในส่วนของประตูด้านหลังที่ติดกับสระว่ายน้ำ ไม่ ฃมีกล้องวงจรปิด ที่ทางญาติผู้ตายสงสัยว่าไม่ได้มีการล็อก เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจลายนิ้วมือแล้วพบว่ามีเพียงลายนิ้วมือของผู้ตายเพียงคนเดียว และ ญาติยังสงสัยว่าทำไมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไม่เข้าตรวจที่เกิดเหตุในวันนั้นเลย ได้สอบถามกับพนักงานสอบสวนเล่าว่า ได้รับทราบข้อมูลจากทาง ญาติว่าตัวผู้ตายเอง มีประวัติการรักษาอาการป่วยซึมเศร้าตั้งแต่ เดือนกันยายน 2565 จนถึง กันยายน 2566 จึงมีความเชื่อโดยสุจริตใจว่า ผู้ตายได้กระทำตนเองโดยกินยาเกินขนาดเข้าไป

ในส่วนของ ที่ญาติของผู้ตายมีข้อสงสัยในเรื่องรอยช้ำตามร่างกาย เจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจสอบเป็นภาพที่อยู่ในโทรศัพท์เหตุเกิดเมื่อช่วงเดือนกันยา 2566 โดยน่าจะเกิดจาก การน้อยใจเพื่อนชายที่มีครอบครัวอยู่ และมีปากเสียงกันเนื่องจากอยากให้ฝ่ายอยู่ตลอดเวลา โดยหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการตั้งชุดทำงานสืบสวนเพื่อหาข้อมูลว่าผู้ตายได้ซื้อไซยาไนด์มาอย่างไร เพื่อให้ได้ความกระจ่างในภายหลัง แต่หากทางญาติของผู้ตายยังมีข้อสงสัยในประเด็นใดทางเจ้าหน้าที่ก็พร้อมที่จะชี้แจงเพื่อคลายข้อสงสัยทีละประเด็น