เมื่อวันที่ 18 ม.ค. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.(ปป.) ได้เดินทางมาที่ ศปก.สน. (วัดโรงช้าง สุพรรณบุรี) พร้อมได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วย มารายงานให้ข้อมูลถึงความคืบหน้าการดำเนินการต่างๆ จากกรณีเกิดเหตุระเบิดโรงงานผลิตพลุไฟ ตามที่ได้สั่งการไปเมื่อคืน (17 ม.ค.) ที่ผ่านมา โดยมีความคืบหน้าในการดำเนินการดังนี้ การค้นหาร่างผู้เสียชีวิตสามารถค้นหาได้ครบ 23 ร่าง ได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตมาที่วัดโรงช้าง เพื่อเข้าสู่กระบวนการขั้นตอนตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ อีกทั้งในที่เกิดเหตุ ชุดปฏิบัติ EOD และพิสูจน์หลักฐาน อยู่ระหว่างการปฏิบัติงานภาคสนามในที่เกิดเหตุ เพื่อให้การเคลียร์พื้นที่เกิดความปลอดภัยสูงสุดและเก็บพยานหลักฐานต่างๆ ประกอบการสอบสวน

ส่วนการร่วมพิสูจน์อัตลักษณ์ศพผู้เสียชีวิต มีทีมแพทย์จากนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ และแพทย์จากโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช สุพรรณบุรี ร่วมปฏิบัติ ซึ่งขณะนี้ตรวจเสร็จสิ้นแล้ว 10 ร่าง (ศพ) ในส่วนนี้ได้สั่งการให้ดำเนินการตรวจให้เสร็จสิ้นภายในคืนนี้

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า สำหรับในกระบวนการขั้นตอนตรวจพิสูจน์เพื่อยืนยันว่าร่างผู้เสียชีวิตเป็นใครและเป็นญาติของใคร ได้มีการแบ่งหน้าที่กันระหว่างนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ และสำนักงานตรวจพิสูจน์หลักฐาน โดยนิติเวชจะตรวจดีเอ็นเอจากร่างศพผู้เสียชีวิต และสำนักงานตรวจพิสูจน์หลักฐานจะตรวจดีเอ็นเอของญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 23 ราย และจะนำมาตรวจพิสูจน์ว่าร่างผู้เสียชีวิตรายใดเป็นญาติของใคร และได้สั่งการให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 2 วัน เพื่อให้ญาติรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป ซึ่งในการตรวจพิสูจน์ว่าศพเป็นใคร สามารถตรวจได้โดย 4 วิธีคือ 1.ญาติยืนยันจากสภาพทางกายภาพศพ ที่สามารถจำได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน 2.การตรวจพิสูจน์จากลายพิมพ์นิ้วมือ 3.การตรวจฟัน และ 4.การตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งในขณะนี้ สามารถตรวจพิสูจน์จากลายพิมพ์นิ้วมือได้อย่างชัดเจนแล้วจำนวน 5 ราย โดยการคืนศพให้ญาติรับไป ซึ่งในการส่งมอบคืนศพผู้เสียชีวิตให้กับญาติรับไป จะดำเนินการโดยคณะกรรมการคืนศพที่ พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 ได้แต่งตั้งขึ้นมา และทั้ง 5 ราย จะคืนให้ญาติรับศพไปดำเนินการทางพิธีศาสนาในวันนี้

รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า เรื่องการพิสูจน์หาสาเหตุของการเกิดเหตุครั้งนี้ หรือการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการตามกระบวนการสืบสวนสอบสวน แต่การดำเนินการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนอย่างยิ่ง คือการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์จากร่างผู้เสียชีวิตว่าเป็นใคร และเป็นญาติของครอบครัวใด เพื่อมอบศพให้ญาติ ได้นำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี และตำรวจควรจะต้องช่วยเหลือ ดูแล เยียวยา ฟื้นฟูสภาพจิตใจ ให้กับญาติของผู้เสียชีวิตอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อเป็นการบรรเทาความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ ถือเป็นหน้าที่ที่พึงกระทำอย่างยิ่งมากกว่า

“สั่งการให้ ผบช.สพฐ.ตร. และ ผบก.นต. รพ.ตร. เร่งรัดตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ศพให้เสร็จสิ้นภายใน 2 วัน เพื่อคืนศพให้ญาติรับไป และ ได้เสนอแนวคิดให้ ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี เปิดบัญชี เชิญชวนข้าราชการตำรวจ มอบเงินช่วยเหลือตามความสมัครใจและความเหมาะสม เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือแก่ครอบครัวของผู้ที่สูญเสียคนอันเป็นที่รักไป ในเหตุโศกนาฏกรรมครั้งนี้ต่อไป” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าว