เมื่อวันที่ 25 ก.ย. นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า จากสถานการณ์พายุโซนร้อน ‘เตี้ยนหมู่’ ที่ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักทั่วประเทศในขณะนี้ ได้สั่งการให้สำนักศิลปากรทั่วประเทศ เตรียมความพร้อมรับมือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับโบราณสถาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่แหล่งมรดกโลก ในความดูแลของกรมศิลปากร ได้แก่ นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร (สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร) และแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง (อุดรธานี) โดยจากข้อมูลรายงานของกองโบราณคดีและสำนักศิลปากรที่ 1-12  โบราณสถานส่วนใหญ่ทั่วประเทศยังไม่ได้รับผลกระทบขั้นวิกฤติ ในส่วนของแหล่งมรดกโลก มีอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยที่ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองปัจจุบันที่ถูกน้ำท่วมหนักกว่า 12 กิโลเมตร รวมทั้งตั้งอยู่บนพื้นที่สูงและเพิ่งมีการขุดลอกเขื่อนจึงสามารถกักเก็บน้ำได้ปริมาณมาก ขณะนี้มีเพียงน้ำท่วมขังรอการระบาย ส่วนอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย มีน้ำขังเล็กน้อยรอการระบาย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร​ มีโบราณสถานได้รับความเสียหายเล็กน้อยจากลมพายุ ทั้งหมดยังอยู่ภายใต้การดูแลจัดการตามปกติของสำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย ส่วนแหล่งมรดกโลกบ้านเชียง ทั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง แหล่งโบราณคดีวัดโพธิ์ศรีใน และแหล่งโบราณคดีบ้านอ้อมแก้ว ยังไม่มีผลกระทบใดๆ

ส่วนในพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ที่มีความเสี่ยงมากกว่าพื้นที่อื่นๆ จึงได้สั่งการให้สำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา เตรียมพร้อมรับมืออย่างเต็มที่ สำหรับโบราณสถานสำคัญที่อยู่ในความเสี่ยงได้รับผลกระทบมาก ได้แก่ วัดไชยวัฒนาราม วัดระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับต่ำกว่าสันเขื่อนประมาณ 40  เซนติเมตร ขณะนี้ได้ทำการตั้งแผงป้องกันน้ำเรียบร้อยแล้ว ส่วนโบราณสถานอื่นๆ ระดับน้ำยังอยู่ต่ำกว่าสันเขื่อนเฉลี่ย 50-80 เซนติเมตร เช่น วัดธรรมมาราม วัดกษัตราธิราชวรวิหาร โดยกำลังตั้งแผงกันน้ำจะแล้วเสร็จในวันที่ 26 ก.ย. รวมถึงเร่งตั้งแผงกันน้ำที่หมู่บ้านโปรตุเกสจะแล้วเสร็จในเวลาไล่เลี่ยกัน ส่วนโบราณสถานป้อมเพชรและหมู่บ้านฮอลันดายังอยู่สูงกว่าระดับน้ำประมาณ 1 เมตร วัดเชิงท่า ระดับน้ำในแม่น้ำลพบุรียังมีระดับต่ำกว่าสันเขื่อนประมาณ 1.20 เมตร

“จากสถานการณ์คาดว่าจะมีฝนตกหนักต่อเนื่องถึงวันที่ 26 ก.ย. ซึ่งทำให้เขื่อนเจ้าพระยาจำเป็นต้องปล่อยน้ำผ่านเขื่อนมากขึ้นถึง 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำหลังเขื่อนจะสูงขึ้นจากเดิมอีก 1 เมตร โดยภายในวันที่ 27 ก.ย. ระดับน้ำจะถึงสันเขื่อนโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม และวันที่ 28 ก.ย. ระดับน้ำจะถึงสันเขื่อนโบราณสถานวัดธรรมาราม ซึ่งโบราณสถานทั้ง 2 แห่งจะไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากได้ติดตั้งแผงป้องกันน้ำไว้แล้ว ส่วนโบราณสถานแห่งอื่นๆ ที่อาจได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งนี้ กรมศิลปากรได้เตรียมความพร้อมในการป้องกัน โดยการติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดและวางแผนจัดลำดับการดำเนินการป้องกันโบราณที่จะได้รับผลกระทบ จัดเตรียมกำลังคนและวัสดุอุปกรณ์และประสานขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ภายในพื้นที่เพื่อป้องกันอุทกภัยที่จะเกิดขึ้นกับโบราณสถานภายใต้การดูแลของกรมศิลปากรอย่างเต็มที่” อธิบดีกรมศิลปากร กล่าว