สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 ม.ค. เกี่ยวกับผลการพบหารือแบบมาราธอนระหว่างนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านนโยบายความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว กับนายหวัง อี้ รมว.กระทรวงการต่างประเทศจีน ที่กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันศุกร์ถึงวันเสาร์ที่ผ่านมา ว่าเกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลแดง ซัลลิแวนขอให้หวัง “ใช้อำนาจการต่อรองที่เหนือกว่า” เพิ่มแรงกดดันอิหร่าน ให้ยุติปฏิบัติการของกองกำลังฮูตีในเยเมน
ด้านจีนกล่าวว่า กำลังพูดคุยกับรัฐบาลเตหะรานในเรื่องนี้ “อย่างจริงจัง” แต่สหรัฐโต้แย้งว่า “สถานการณ์จริงยังคงเป็นไปในทางตรงกันข้าม”
ขณะเดียวกัน ซัลลิแวนหยิบยกประเด็น “ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากขึ้น” ระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย ขึ้นมาสนทนากับหวัง โดยรวมถึงการที่รัฐบาลเปียงยางเพิ่มความถี่ของการทดสอบอาวุธ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองประเทศหารือกัน เกี่ยวกับ วิกฤติการณ์ในเมียนมา ปัญหาการอ้างกรรมสิทธิทับซ้อนในทะเลจีนใต้ และสงครามในยูเครนซึ่งยังคงยืดเยื้อด้วย
Chinese Foreign Minister Wang Yi and U.S. national security adviser Jake Sullivan held candid talks in Bangkok aimed at keeping in contact, both sides said, with Wang stressing that "Taiwan independence" posed the biggest risk to Sino-U.S. ties.https://t.co/SHjhbXGMYW
— Nikkei Asia (@NikkeiAsia) January 27, 2024
ส่วนประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในไต้หวัน แน่นอนว่าต้องมีการสนทนา ซึ่งหวังกล่าวว่า “เรื่องไต้หวันถือเป็นกิจการภายในของจีนอย่างแท้จริง” และการเลือกตั้งของไต้หวันที่เพิ่งผ่านพ้นไป เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา “ไม่อาจเปลี่ยนแปลงพื้นฐานความจริงได้ว่า ไต้หวันคือส่วนหนึ่งของจีน”
เจ้าหน้าที่การทูตระดับสูงสุดของรัฐบาลปักกิ่งกล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ถือเป็น “ความเสี่ยงระดับสูงสุด” ต่อสันติภาพและความมั่นคงข้ามช่องแคบ คือ “การเคลื่อนไหวเพื่อเอกราชไต้หวัน” และเรื่องเดียวกันนี้ถือเป็น “ความท้าทายใหญ่หลวงที่สุด” สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนเช่นกัน.
เครดิตภาพ : XINHUA