ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเสฉวนแห่งประเทศจีนได้ตีพิมพ์รายงานการวิจัยเกี่ยวกับการดื่มชาและผลในการชะลอวัยในวารสาร The Lancet Regional Health – Western Pacific เมื่อเดือนพ.ย. ปีที่แล้ว ซึ่งระบุว่าคนที่ดื่มชาทุกวันนั้น ร่างกายจะแสดงสัญญาณหลายอย่างที่บ่งบอกว่า “แก่ตัวช้ากว่าปกติ” โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มชาในปริมาณเฉลี่ยวันละ 3 ถ้วย
นอกจากนี้ ผลการวิจัยยังพบว่านักดื่มชาเหล่านี้มีความกังวลหรือกระวนกระวายใจ, อาการนอนไม่หลับและอาการของโรคซึมเศร้าในอัตราที่ต่ำกว่าผู้ที่ไม่ดื่ม
ทีมนักวิจัยอ้างอิงผลการวิจัยครั้งนี้โดยดูจากสารโพลีฟีนอลซึ่งเป็นสารประกอบในพืชที่มีประโยชน์ต่อไมโครแบคทีเรียในลำไส้ที่ดีต่อร่างกาย อีกทั้งช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกัน, ระบบเผาผลาญสารอาหารและระบบการทำงานของสมองในการคิด-วิเคราะห์ทำงานได้อย่างราบรื่น
นอกจากนี้ พวกเขายังอ้างถึงรายงานการวิจัยก่อนหน้านี้เกี่ยวกับสารฟลาโวนอยด์ (สารประกอบโพลีฟีนอลชนิดหนึ่งที่มีอยู่มากในชา) ที่มีสรรพคุณช่วยทำให้สัตว์ทดลอง เช่น หนู, หนอน มีอายุขัยยืนนานขึ้น
ทีมวิจัยได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลของชาวจีนอายุระหว่าง 30-91 ปี จำนวน 7,391 คนที่ได้จากกรณีศึกษาชนเผ่าต่าง ๆ ของจีน และชาวอังกฤษอายุระหว่าง 37-73 ปี จำนวน 5,998 คน ที่ได้จากธนาคารข้อมูลชีวภาพของอังกฤษ โดยมีระยะเวลาในการติดตามพฤติกรรมคือ 1-2 ปีสำหรับชาวจีน และ 3-5 ปีสำหรับชาวอังกฤษ
ผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมดจะต้องตอบคำถามเกี่ยวกับรสนิยมส่วนตัวด้านการดื่มชา เช่น ประเภทของชาที่ดื่ม ตลอดจนจำนวนครั้งและจำนวนถ้วยที่ดื่มเป็นประจำ นอกจากนี้ ยังต้องบันทึกดัชนีชี้วัดทางชีวภาพ เช่น ระดับความดันโลหิต, ระดับคอเลสเตอรอล, ระดับไขมันในร่างกาย เพื่อนำมาใช้ระบุอายุทางชีวภาพ หรืออายุของสภาพร่างกายจริง
อย่างไรก็ตาม ทีมวิจัยชี้ว่า พวกเขาไม่สามารถสรุปลงไปตรง ๆ ได้ว่าการดื่มชาเป็นประจำจะทำให้คนแก่ช้า แม้จะส่งผลกระทบที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของคนจริง ๆ
กรณีศึกษาอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ก็พบว่า การดื่มชาในปริมาณที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคทางสมอง เช่น โรคอัลไซเมอร์, โรคสมองเสื่อม ได้เช่นเดียวกับการดื่มกาแฟ เครื่องดื่มประเภทชายังมีส่วนช่วยกระตุ้นให้รู้สึกสดชื่น ช่วยให้ฟันมีสุขภาพดีขึ้น กล่าวคือสามารถลดการเกิดคราบพลัคที่เกาะฟันและป้องกันฟันผุ เนื่องจากในน้ำชามีฟลูออไรด์และสารแทนนินที่มีประโยชน์ต่อการรักษาสุขภาพฟัน
ที่มา : nextshark.com
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES
