สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเนปิดอว์ ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ว่า สภากลาโหมและความมั่นคงแห่งรัฐของเมียนมาออกแถลงการณ์ เมื่อวันพุธ ขยายระยะเวลาบังคับใช้คำสั่งสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ ออกไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน “เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่กลับคืนสู่สภาวะปกติ และเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับปฏิบัติการของภาครัฐ ในการปราบปรามกลุ่มก่อการร้าย”


การดำเนินการดังกล่าว ซึ่งมีการต่อเวลาทุก 6 เดือน นับตั้งแต่วันรัฐประหาร 1 ก.พ. 2564 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 425 ของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2551 ซึ่งกองทัพเป็นผู้บัญญัติเอง


มติขยายระยะเวลาบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉินในเมียนมา เกิดขึ้นหลังการประกาศ ปรับเปลี่ยนกฎระเบียบเกี่ยวกับพรรคการเมือง ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองและการส่งผู้สมัครลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยลดจำนวนสมาชิกขั้นต่ำจาก 100,000 คน ลงเหลือ 50,000 คน และพรรคการเมืองนั้นต้องดำเนินการตามรูปแบบและขั้นตอน หรือการหาเสียง ครอบคลุมอย่างน้อย 1 ใน 3 ของเขตเลือกตั้งที่ส่งผู้สมัคร ลดลงจากเดิมคือครึ่งหนึ่ง


ย้อนกลับไปเมื่อเดือน เม.ย. ปีที่แล้ว คณะกรรมการการเลือกตั้งเมียนมา ประกาศยุบพรรคการเมือง 40 พรรค หนึ่งในนั้นคือพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ของซูจี เนื่องจากจดทะเบียนไม่ทัน ภายในระยะเวลาที่กำหนด


อย่างไรก็ดี พรรคการเมืองซึ่งขึ้นทะเบียนทันเวลา แน่นอนว่า รวมถึงพรรคสหสามัคคีและการพัฒนา (ยูเอสดีพี) ซึ่งเป็นพันธมิตรกับฝ่ายทหาร และพ่ายแพ้ให้กับพรรคเอ็นแอลดี ในการเลือกตั้งทั่วไปทั้งสองครั้งล่าสุด เมื่อปี 2558 และ 2563


เดิมรัฐบาลทหารของ พล.อ.มิน อ่อง หล่าย เคยยืนยันการจัดการเลือกตั้งทั่วไป “ในเดือน ส.ค. 2566” แต่ต่อมายอมรับว่า พื้นที่มากกว่าหนึ่งในสามยังไม่อยู่ในความควบคุมของกองทัพ “ได้อย่างเบ็ดเสร็จ” ด้วยเหตุนี้ การเลือกตั้งทั่วไปจึงยังไม่ควรเกิดขึ้น “ท่ามกลางความเร่งรีบ”.

เครดิตภาพ : AFP