และอาคาร Seagram ที่โด่งดังบน Park Avenue ใจกลาง Manhattan ซึ่งเป็นตึกระฟ้าทรงสีเหลี่ยมง่าย ๆ ไม่มีการประดับตกแต่งที่เกินจำเป็นได้เป็นที่นิยมในยุคนั้น แต่การออกแบบที่เรียบง่ายนั้น จะงดงามได้ก็ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์กำหนดสัดส่วนรูปทรงที่สมบูรณ์แบบ มีที่มาที่ไปจากโมดูลาร์ของวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ เช่น กระจก กรอบอะลูมิเนียม เหล็ก กระเบื้อง เพื่อให้ประหยัด ไม่เหลือเศษทิ้ง นับเป็นการใช้ทรัพยากรที่คุ้มค่าอย่างยั่งยืนซึ่งมาก่อนกาล

วิถีชีวิต Minimalism แบบ Less is More นั้นเป็นวิถีรักษ์โลกที่มนุษย์เราคุ้นเคยกันตั้งแต่ยังเป็นมนุษย์ถํ้า และเป็นการรักษาโลกใบนี้ให้ยั่งยืนมาหลายพันปี แต่เมื่อต้นศตวรรษที่ 20 เพียงแค่หนึ่งช่วงอายุคน มนุษย์ได้ทำร้ายโลกที่เป็นบ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่จนเข้าสู่วิกฤติโลกเดือด และเลขาธิการ UN ประกาศว่ามวลมนุษยชาติได้แย้มประตูสู่ขุมนรกอเวจีแล้ว

เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร? ในช่วงแค่ร้อยกว่าปี มวลมนุษยชาติขยายพันธุ์อย่างก้าวกระโดด ค.ศ. 1900 ประชากรโลกมีแค่ 1,600 ล้านคน ปัจจุบันเพิ่มเป็น 8,000 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 5 เท่า ประชากรโลกที่เพิ่มรวดเร็วนี้ บริโภคทุกอย่างที่ขวางหน้า ทำลายทรัพยากรธรรมชาติที่เคยสมบูรณ์จนเกือบหมดโลก ทำลายป่าไม้ที่เคยอุดมสมบูรณ์ไปราว 1 ใน 3 ทำลายสัตว์ป่าสูญพันธุ์ไปแล้วหลายสายพันธุ์ เราสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ เสียสมดุลของระบบนิเวศ เมื่อไม่มีป่าก็เหมือนเราทำลายเครื่องดูดซับคาร์บอนตามธรรมชาติของเราไปทีละเครื่องจนเกือบหมดแล้ว ในนํ้าสัตว์ทะเลลดลงราว 40% และแนวปะการังตายไปราว 50% เพราะนํ้าทะเลร้อนขึ้น ยังไม่นับรวมเศษขยะพลาสติกที่เราทิ้งกระจายไปทั่วมหาสมุทร จนสักวันคงจะมีมากกว่าประชากรปลา เมื่อมหาสมุทรเก็บสะสมความร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ภูเขานํ้าแข็งขั้วโลกก็ละลายหายไปแล้วกว่า 4 แสนตารางกิโลเมตร และนี่คือเหตุผลที่ระดับนํ้าทะเลสูงขึ้น และชายฝั่งของเราจมลงอย่างรวดเร็ว

ปัญหาสำคัญคือ เราใช้สินค้าและบริการที่ทันสมัยเพื่อให้คุณภาพชีวิตของเราสุขสบายขึ้น โดยไม่คำนึงว่าพลังงานที่ใช้ผลิตสินค้าและบริการของเราในศตวรรษที่ผ่านมา คือ พลังงานจาก Fossil ที่ปลดปล่อยคาร์บอนจำนวนมหาศาล จากที่โลกเราเคยมี Co2 ราว 280 PPM ตอนต้นศตวรรษที่ 20 ระดับปลอดภัยกำหนดไว้ไม่เกิน 350 PPM แต่ปัจจุบันเรามี Co2 ทะลุ 420 PPM แล้วกำลังพุ่งขึ้นเรื่อย ๆ นี่คือเหตุผลที่เราต้องพูดเรื่อง Carbon Footprint และ Net Zero กันอย่างจริงจัง

ทางออกสุดท้ายคือ เราต้องร่วมกันเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อรักษาโลกใบนี้ ที่จริงคือรักษาชีวิตของเราเอง โดยดำเนินชีวิตด้วยวิถี Minimalism พอเพียงแบบดั้งเดิม บริโภคอย่างมีสำนึก และเร่งคืนธรรมชาติที่สมบูรณ์ให้กลับคืนโดยเร็ว เพราะเราไม่เหลือเวลาอีกแล้ว และในไม่ช้าเราจะไม่เหลืออะไรเลย…Less is More.