จากนั้นเวลา 12.00 น. นายกฯและคณะ เดินทางไปยังวัดบ้านช่าน ต.บ้ายซ่าน อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย สักการะหลวงพ่อสามพี่น้อง และหลวงพ่อขาว โดยพระภารุพงษ์ ภานุวิโส รองเจ้าอาวาสวัดบ้านซ่าน ได้มอบพระสามพี่น้องจำลองให้กับนายกฯ พร้อมสนทนาธรรม โดยเจ้าอาวาสได้สอบถามนายกฯ ว่า จากการลงพื้นที่ปริมาณน้ำเยอะไหม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น้ำเยอะได้รับผลกระทบจากพายุทำให้มีน้ำฝนตกลงมาปริมาณมาก ส่งผลให้ท่วมในหลายพื้นที่ รัฐบาลจะเร่งดำเนินการสำรวจและเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาวจะต้องวางแผนแก้ไขปัญหาในภาพรวมต่อไป 

ต่อมานายกฯ ได้รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยจากหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยนายกฯ กล่าวว่า วันนี้ขอกระแอมหน่อยแล้วกัน วันนี้มาที่นี่ตั้งแต่เช้าแล้ว เดินทางจากกรุงเทพฯ มาแต่เช้า ต้องขอโทษส่วนราชการต่างๆด้วย เพราะเป็นวันอาทิตย์ แต่เมื่อใดก็ตามที่ประชาชนมีความเดือดร้อนเราก็หยุดไม่ได้เพราะประชาชนเดือดร้อนทุกวันไม่มีวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ วันนี้นายกฯ นำพาหัวใจคนกรุงเทพฯ หัวใจคนต่างจังหวัดมาช่วยพวกเราด้วยความห่วงใย เราเป็นพี่น้องกัน เราเป็นคนไทยด้วยกัน ฉะนั้นเราจะต้องห่วงใยกันคงไม่ใช่เราที่เดือดร้อน คนอื่นก็เดือดร้อน ทั้งนี้ แม้ว่าสถานการณ์น้ำท่วมในระดับไม่สูงมากจากถนน แต่ตนตนเห็นว่ามีในท้องทุ่งและท้องนาท่วมลึก ย่อมเกิดความเสียหายกับการเพาะปลูกพืชทางการเกษตร ซึ่งตนได้สั่งการปลัดกระทรวงมหาดไทยให้ไปช่วยเหลือเยียวยาให้ครบถ้วน

นายกฯ กล่าวต่อว่า เรื่องน้ำเป็นปัญหา เรื่องรายได้เป็นปัญหา เรื่องคุณภาพชีวิตเป็นปัญหา เรื่องการเข้าไม่ถึงภาครัฐก็เป็นปัญหาสิ่งสำคัญที่สุด คือ เราต้องปรับหลักคิดของพวกเราใหม่ เราต้องรวมสิ่งเหล่านี้ไว้ให้ได้คือครอบครัวสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่รวมเราเป็นชาติต้องคิดใหม่ ต้องช่วยกันคิด ตนบังคับท่านไม่ได้ แต่ถ้าอยากให้ดีขึ้นกว่านี้ไม่อยากให้ลำบาก ลองคิดอย่างตน อย่างมีวิสัยทัศน์และกระบวนการ ถ้าท่านรู้สึกว่ารัฐบาลนี้ยากหน่อย นายกฯ ยากขอไม่ค่อยได้ ท่านก็เห็นอยู่แล้วอะไรที่ได้มาง่ายๆมันไม่สำเร็จ แล้วมันก็มีปัญหาทางกฎหมาย ทำให้มันดีเข้าใจตรงกัน นายกฯไม่เคยขัดข้อง อะไรอยู่กับใครขั้นตอนตรงไหน นายกฯไม่สามารถที่จะให้เงินได้ เป็นเรื่องการทำงานตามขั้นตอน ฉะนั้นทุกคนเมื่ออยากได้จะต้องไปทำความเข้าใจ

“รู้แต่น้ำท่วม นึกอะไรไม่ออกน้ำท่วมอีกแล้ว ปีหน้านึกอะไรไม่ออกฝนแล้งอีกแล้ว โทษใครไม่ได้โทษนายกฯ ประยุทธ์ ผมไม่ว่า โทษผมไม่เป็นอะไร ผมรับได้ แต่ผมก็ต้องทำให้มากที่สุด แต่อย่าลืมว่าผมก็ทำมากที่สุดมาหลายปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าแผนงานโครงการที่ลงไปทุกจังหวัดก็เยอะพอสมควร แต่มันไม่ได้ง่ายที่จะไปเททีเดียวทุกจังหวัด เพราะอย่าลืมว่าเรามี 77 จังหวัด และวันนี้สิ่งที่จะทำให้ประเทศเปลี่ยนไปได้ คือ นายกฯเป็นผู้ตัดสินใจกำหนดนโยบายคณะรัฐมนตรี (ครม.) และพรรคร่วมรัฐบาลวันนี้ก็มาร่วมกัน ไม่มีพรรค พรรคไหนก็มา รวมถึงประชาชนที่จะต้องสรุปให้ได้ว่าแต่ละพื้นที่มีความต้องการอย่างไร” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้รัฐบาลเติมเงินในบัตรสวัสดิการคนจน ไม่ใช่หาเสียง ต้องการให้ทุกคนที่มีรายได้น้อยมีชีวิตอยู่ได้อย่างน้อยมีเงินซื้อข้าว ทั้งนี้ พื้นที่เราดีกว่าเขาฝนนานๆท่วมที คิดถึงก็มาที พอบอกไม่ท่วม แห้งแล้งมาก เทมาสักทีก็ท่วมเข้าไป พื้นที่เราดีที่สุดในโลกตนคิดว่า อย่างประเทศเวียดนามที่เจอพายุปีละ 100 กว่าลูก เราเจอลูกเดียวยังแอ่นอยู่อย่างนี้ เราจะต้องภูมิใจในสิ่งที่เรามีอยู่ความเป็นปึกแผ่น ความรักความสามัคคี การมีสถาบันของชาติเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งนายกฯพยายามทำอย่างดีที่สุด ยืนยันดูแลให้ดีที่สุด 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนายกฯพบปะประชาชน ปรากฏว่า นายกฯได้ไอเป็นระยะ แต่ไม่ถึงกับต้องหยุดการพูดโดยนายกฯ กล่าวว่า “ต้องขอโทษด้วย” ทั้งนี้ ในช่วงหนึ่งนายกฯ เห็นว่ามีคนยกมือประท้วงอยู่ข้างนอก จึงกล่าวขึ้นว่า “ใครยกมือประท้วงอยู่ข้างนอก แต่ก็ช่างเขา” จากนั้นนายกฯ ก็พูดต่อถึงการลงพื้นที่ 

อย่างไรก็ตาม ก่อนนายกฯ จะพูดจบ ได้หยิบกระดาษขึ้นมาอ่านขอบคุณ โดยพูดว่า “ขอบคุณชาวบ้วนซ้วน” ทำให้ประชาชนทักท้วงว่า “ต.บ้านซ่าน” จึงทำให้นายกฯ แซวว่า “ใครเขียนภาษามาแบบนี้เอาไปฆ่าทิ้ง” เรียกเสียงหัวเราะจากประชาชน

ก่อนที่นายกฯ จะแนะนำรัฐมนตรีที่ร่วมลงพื้นที่ให้ประชาชนรู้จัก โดยช่วงที่แนะนำ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายกฯ กล่าวว่า “มีบางคนนั่งเงียบ เป็นจำเลยร่วมกับตน หากทำงานไม่สำเร็จถือเป็นจำเลยร่วมกัน และครม.ทั้งหมดก็ถือว่าเป็นจำเลยร่วม” จากนั้นให้ ส.ส.ที่เดินทางมาร่วมคณะแนะนำตัวด้วย ก่อนที่นายกฯ จะมอบถุงยังชีพและเดินทักทายประชาชน พร้อมกับชูมือส่งสัญลักษณ์ไอเลิฟยูพร้อมกล่าวว่า “รักทุกคน เชื่อใจผมสิ ทำด้วยใจ ถ้าไม่ทำเลิกนานแล้ว”

จากนั้นนายกฯ เยี่ยมชมกิจกรรมตามบูธต่างๆ โดยมีการสอบถามกลุ่มแม่น้ำ ที่นำผักปลอดสารพิษและผลผลิตทางการเกษตรมาจัดแสดง ซึ่งนายกฯ พูดเป็นภาษาอีสานถามหาปลาร้า และบอกว่าชอบกิน โดยระหว่างเยี่ยมชมนายกฯ ได้สอบถามด้วยว่า “ได้ฉีดวัคซีนแล้วหรือยัง” พร้อมนำสเปรย์แอลกฮอลล์มาฉีดที่มือ ซึ่งกลุ่มแม่บ้านแซว “กลัวติดเชื้อโควิดหรือ” โดยนายกฯ ตอบกลับว่า “กลัวฉันจะเอาไปติดเธอ ที่ฉันมากลัวจะเอาเชื้อไปติดเธอ”

ทั้งนี้ มีเกษตรกรนำทุเรียนจำนวน 3 ลูกมามอบให้นายกฯ โดยบอกว่า “ให้เอาไปฝาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้วย” ซึ่งนายกฯ รับปากว่า “จะเอาไปให้ลุงป้อม ลุงป๊อก และลุงตู่ เดี๋ยวจะกินทั้งเปลือก”

ต่อมานายกฯ เยี่ยมชมโครงการโคบาลประชารัฐ ซึ่งเป็นโครงการต้นแบบของนายสมศักดิ์ ที่ได้ริเริ่มไว้ ซึ่งดำเนินการในจังหวัดสุโขทัย จึงได้อธิบายความเป็นมาของโครงการให้นายกฯทราบความคืบหน้า ซึ่งระหว่างนั้นวัวตัวหนึ่งได้ร้องเป็นระยะ ทำให้นายกฯ ถึงกับต้องขยับหน้ากากอนามัย เปิดปากพูดกับวัวตัวดังกล่าวว่า “รู้แล้ว เขาบอกแล้ว เห็นด้วยไหม” พร้อมกับเอามือไปลูบหัวอย่างอารมณ์ดี

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินเยี่ยมชมมาถึงรถประกอบอาหารช่วยเหลือประชาชน ของกองทัพบก โดยมณฑลทหารบกที่ 39 นายกฯ ได้ขึ้นไปทำผัดกะเพราไก่ เพื่อแจกให้กับประชาชน พร้อมกับพูดติดตลกว่า “อาหารนายกฯแต่ก่อนนี้ เขาเรียกว่าอาหารสิ้นคิด ไม่ต้องคิดมาก กินง่ายๆ” ก่อนจะขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ.