สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ว่า นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านนโยบายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวถึงปฏิบัติการโจมตีทางทหารของกองทัพสหรัฐ ต่อเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับกองกำลังฝักใฝ่อิหร่าน ที่กระจายกันอยู่ในอิรักและซีเรีย ว่าสามารถ “ลดและสร้างความเสื่อมถอย” ให้กับศักยภาพและประสิทธิภาพของกองกำลังเหล่านั้น ที่จะก่อการโจมตีในอนาคต


แม้ซัลลิแวนปฏิเสธให้ข้อมูลว่า การโจมตีของสหรัฐแต่ละครั้งสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิต และทรัพย์สินของพลเรือนหรือไม่ แต่กล่าวว่า “เป้าหมายที่ถูกโจมตีเป็นเป้าหมายโดยชอบธรรม” พร้อมทั้งทิ้งท้ายในเรื่องนี้ว่า “จะมีการดำเนินการมากกว่านี้” เพราะปฏิบัติการที่เพิ่งผ่านพ้นไปนั้น “แค่เริ่มต้น”


ขณะเดียวกัน ซัลลิแวนยังสงวนท่าที ว่าสหรัฐจะโจมตีเป้าหมายในอิหร่านโดยตรงหรือไม่ แต่กล่าวว่า หากอีกฝ่ายเลือกที่จะเปิดฉากโจมตีสหรัฐโดยตรง สหรัฐไม่ลังเลที่จะโต้กลับอย่างแข็งแกร่ง และทันท่วงทีเช่นกัน


ทั้งนี้ กองทัพสหรัฐปฏิบัติการทางอากาศ โจมตีเป้าหมายในอิรักและซีเรียรวมกัน 85 แห่ง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้เหตุการณ์โดรนติดอาวุธโจมตีฐานทัพสหรัฐในจอร์แดน สังหารทหารอเมริกัน 3 นาย เมื่อปลายเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา และต่อจากนั้นเพียงวันเดียว กองทัพสหรัฐและพันธมิตรรวมถึงสหราชอาณาจักร ร่วมกันโจมตีเป้าหมายเป็นฐานที่มั่น 36 แห่ง ของกองกำลังฮูตีในเยเมน เนื่องจากกลุ่มฮูตียังไม่ยุติการเคลื่อนไหวในทะเลแดง


จนถึงตอนนี้ อิหร่านยืนกรานปฏิเสธการมีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลวอชิงตันกล่าวว่า เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น “มีรอยนิ้วมือ” ของอิหร่าน โดยเฉพาะการโจมตีในจอร์แดน ซึ่งโดรนลำนั้นผลิตในอิหร่าน และสหรัฐเชื่อว่า ขบวนการต่อต้านอิสลาม ซึ่งเป็นกองกำลังนักรบชีอะห์ในอิรัก และมีจุดยืนสนับสนุนอิหร่าน อีกทั้งได้รับความช่วยเหลือจากกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) เป็นผู้ลงมือ


อีกด้านหนึ่ง อิรักประณามสหรัฐอย่างหนัก และยืนยันว่า “ไม่เคยได้รับแจ้งล่วงหน้า” เกี่ยวกับการโจมตี เช่นเดียวกับรัฐบาลซีเรีย โดยทั้งสองประเทศยืนยันว่า มีพลเรือนเสียชีวิต และเรียกร้องให้สหรัฐถอนทหารที่ยังเหลืออยู่ออกไปทั้งหมด.

เครดิตภาพ : AFP