สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ว่า นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านนโยบายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวถึงปฏิบัติการโจมตีทางทหารของกองทัพสหรัฐ ต่อเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับกองกำลังฝักใฝ่อิหร่าน ที่กระจายกันอยู่ในอิรักและซีเรีย ว่าสามารถ “ลดและสร้างความเสื่อมถอย” ให้กับศักยภาพและประสิทธิภาพของกองกำลังเหล่านั้น ที่จะก่อการโจมตีในอนาคต
“There will be more action taken to respond to the tragic death of the three brave U.S. service members.”
— This Week (@ThisWeekABC) February 4, 2024
National security adviser Jake Sullivan says that U.S. retaliation against Iran-backed militants was the “beginning of our response.” https://t.co/heA0AkNEUW pic.twitter.com/2BfDnCBsQm
แม้ซัลลิแวนปฏิเสธให้ข้อมูลว่า การโจมตีของสหรัฐแต่ละครั้งสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิต และทรัพย์สินของพลเรือนหรือไม่ แต่กล่าวว่า “เป้าหมายที่ถูกโจมตีเป็นเป้าหมายโดยชอบธรรม” พร้อมทั้งทิ้งท้ายในเรื่องนี้ว่า “จะมีการดำเนินการมากกว่านี้” เพราะปฏิบัติการที่เพิ่งผ่านพ้นไปนั้น “แค่เริ่มต้น”
ขณะเดียวกัน ซัลลิแวนยังสงวนท่าที ว่าสหรัฐจะโจมตีเป้าหมายในอิหร่านโดยตรงหรือไม่ แต่กล่าวว่า หากอีกฝ่ายเลือกที่จะเปิดฉากโจมตีสหรัฐโดยตรง สหรัฐไม่ลังเลที่จะโต้กลับอย่างแข็งแกร่ง และทันท่วงทีเช่นกัน
Asked about the potential for direct escalation from Iran, national security adviser Jake Sullivan tells @GStephanopoulos, “If they chose to respond directly to the United States, they would be met with a swift and forceful response from us.” https://t.co/UWAVNlHJOZ pic.twitter.com/UAhnaIj63E
— This Week (@ThisWeekABC) February 4, 2024
ทั้งนี้ กองทัพสหรัฐปฏิบัติการทางอากาศ โจมตีเป้าหมายในอิรักและซีเรียรวมกัน 85 แห่ง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้เหตุการณ์โดรนติดอาวุธโจมตีฐานทัพสหรัฐในจอร์แดน สังหารทหารอเมริกัน 3 นาย เมื่อปลายเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา และต่อจากนั้นเพียงวันเดียว กองทัพสหรัฐและพันธมิตรรวมถึงสหราชอาณาจักร ร่วมกันโจมตีเป้าหมายเป็นฐานที่มั่น 36 แห่ง ของกองกำลังฮูตีในเยเมน เนื่องจากกลุ่มฮูตียังไม่ยุติการเคลื่อนไหวในทะเลแดง
Video of launches from USS GRAVELY, USS CARNEY, and USS DWIGHT D. EISENHOWER supporting strikes on Iranian-backed Houthi targets pic.twitter.com/EMSkDANoeF
— U.S. Central Command (@CENTCOM) February 4, 2024
จนถึงตอนนี้ อิหร่านยืนกรานปฏิเสธการมีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลวอชิงตันกล่าวว่า เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น “มีรอยนิ้วมือ” ของอิหร่าน โดยเฉพาะการโจมตีในจอร์แดน ซึ่งโดรนลำนั้นผลิตในอิหร่าน และสหรัฐเชื่อว่า ขบวนการต่อต้านอิสลาม ซึ่งเป็นกองกำลังนักรบชีอะห์ในอิรัก และมีจุดยืนสนับสนุนอิหร่าน อีกทั้งได้รับความช่วยเหลือจากกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) เป็นผู้ลงมือ
อีกด้านหนึ่ง อิรักประณามสหรัฐอย่างหนัก และยืนยันว่า “ไม่เคยได้รับแจ้งล่วงหน้า” เกี่ยวกับการโจมตี เช่นเดียวกับรัฐบาลซีเรีย โดยทั้งสองประเทศยืนยันว่า มีพลเรือนเสียชีวิต และเรียกร้องให้สหรัฐถอนทหารที่ยังเหลืออยู่ออกไปทั้งหมด.
เครดิตภาพ : AFP