นางฐิติรัตน์ ศิริพัฒนาเลิศ หัวหน้าสายงานด้านความปลอดภัยระบบข้อมูลสารสนเทศ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยถูกภัยคุกคามไซเบอร์ซีเคียวรีตี้จำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ที่ไม่มีงบประมาณในการตั้งทีมไซเบอร์ซีเคียวรีตี้ รวมถึงการจ้างพนักงานด้านไอที ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการโจมตี ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ของ ไอบีเอ็ม พบว่า บริษัทมีความเสียหายต่อการถูกโจมตีต่อครั้งประมาณ 110  ล้านบาท  โดยส่วนใหญ่เป็นการเรียกค่าไถ่ข้อมูล และบางบริษัทต้องปิดธุรกิจกว่า 2 สัปดาห์ ถึงสามารถกู้ข้อมูลกลับมาได้ ส่งผลให้ต้องสูญเสียลูกค้า ไม่น้อยกว่า 30%

“ ปัจจุบันองค์กรธุรกิจ จะลงทุนด้านไซเบอร์ฯ ให้พนักงานตกเฉลี่ย 400  บาทต่อคนต่อปี เท่านั้นซึ่งอาจจะไม่ เพียงพอ โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี ที่อาจมีงบในการซื้อเครื่องมือ แต่ยังขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญ ในการเซ็ตระบบให้เข้า กับธุรกิจ โดยปัจจุบัน แฮกเกอร์มีการโจมตีที่ซับซ้อนมากขึ้น ไม่เฉพาะการใช้มัลแวร์ เท่านั้น แต่มีการใช้ไฟล์โจมจี โดยอาศัยช่องโหว่ของวินโดวส์ ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการป้องกัน ทำให้ปัจจุบันเอสเอ็มอี มีความเสี่ยงที่จะเผชิญ ภัยคุกคามไซเบอร์สูงกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ถึง 3 เท่า”

นางฐิติรัตน์ กล่าวต่อว่า ทรูจึงเดินหน้าให้บริการด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้ครบวงจรที่ช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีเข้าถึง บริการด้านไซเบอร์ซีเคียวรีตี้ ได้ง่าย ราคาไม่แพง และ มีปลอดภัยขั้นสูง เพื่อช่วย ป้องกันระบบและข้อมูลสำคัญ ขององค์กรลดความเสี่ยงและ ความเสียหายต่อธุรกิจ   โดยชูจุเด่นที่มีศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังด้าน ความมั่นคง ปลอดภัยที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมนำเทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิ่ง และ เอไอ มาใช้ในการตรวจจับ และตอบสนอง ภัยคุกคามได้อัตโนมัติแบบเรียลไทม์ โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มลูกค้าเอสเอ็มอีให้ได้ 1,000 ราย ในปี 68 จากปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 10 ราย  โดยปัจจุบันตลาดไซเบอร์ซีเคียวริตี้มีมูลค่าประมาณ 13,000  ล้านบาท เติบโตปีละประมาณ 12%