
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า การรวมกลุ่มกันแก้ปัญหาสุขภาพโดยให้ทุกคนในชุมชนมีส่วนร่วมมีความสำคัญมาก จากการที่ สสส.ลงพื้นที่ทำงานในชุมชน พบปัญหาชุมชนมีความหนาแน่น แออัด สภาพแวดล้อมทรุดโทรม ใช้ชีวิตเร่งรีบ ขยะล้น ด้านสุขภาพพบผู้ป่วยกลุ่มโรคไม่ติดต่อ NCDs เพิ่มมากขึ้น โดยวัยแรงงาน 8-10% ในชุมชนเป็นโรคความดันสูง เบาหวาน มีผู้ป่วยติดเตียง และขาดการออกกำลังกาย ในขณะที่ชุมชนยังไม่มีการป้องกันความเสี่ยง หรือกลไกเฝ้าระวังและการสร้างความตระหนักการจัดการสุขภาวะชุมชน สสส. จึงเป็นหน่วยเสริมเชื่อมประสานและขับเคลื่อนการจัดการระบบสุขภาวะชุมชน พัฒนาระบบการจัดการพื้นที่ ร่วมสร้างนวัตกรรมจัดการปัญหาของชุมชน บูรณาการเชื่อมโยงพัฒนาระบบสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพชุมชน สู่การจัดการตนเอง ด้วยแนวคิด 1.เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 2.ใช้พื้นที่เป็นฐานในการพัฒนา 3.คำนึงถึงสุขภาพในทุกนโยบาย 4.เฝ้าระวังร่วมกันในละแวกบ้าน เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนอย่างยั่งยืน ตรงนี้เป็นจุดที่สสส.เน้นย้ำ

การพัฒนาคุณภาพชีวิตต้องทำในทุกช่วงวัย สสส.นำร่อง 3 ชุมชนรอบ สสส. ชุมชนหน้าสมาคมธรรมศาสตร์ ชุมชนบ้านมั่นคงสวนพลู และชุมชนบ้านเอื้ออาทรสวนพลูพัฒนา ซึ่งเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งใน 3ด้าน คือ 1.มีกลไกของคณะกรรมการชุมชน และมีบทบาทสำคัญขับเคลื่อนงานชุมชน 2.ผู้นำมีบทบาทสำคัญต่อชุมชน 3.ชุมชนต้องการการแก้ไขปัญหาเชิงระบบ

คุณประทุม ไทรแช่มจันทร์ ประธานชุมชนหน้าสมาคมธรรมศาสตร์ เล่าว่า ชุมชนมีความแออัดและไม่มีพื้นที่ทำกิจกรรม เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ ขาดการทำกิจกรรมทางกาย ส่งผลต่อสุขภาพ จึงได้ร่วมกับ สสส.พัฒนาชุมชน เน้นการสร้างความปลอดภัยภายในชุมชน พัฒนาความเป็นอยู่ของชาวชุมชน ทั้งเรื่องการบริหารจัดการพื้นที่ ฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ การจัดการขยะ ส่งเสริมการรวมกลุ่มของเยาวชน ผู้สูงอายุ สร้างกลุ่มอาชีพ ทำให้ชุมชนเกิดความเปลี่ยนแปลง เยาวชนห่างไกลยาเสพติด เน้นไปที่การฝึกซ้อมกีฬา ฝึกซ้อมรำ ด้านผู้สูงอายุ ได้มีกิจกรรมคลายเครียด รวมกลุ่มกันทำอาชีพ มีรายได้ ผู้สูงอายุหลายๆคนได้ทำกิจกรรมพูดคุยกัน หัวเราะ ยิ้มแย้ม ได้ออกกำลังกายด้วยกัน

คุณจิตติมา ช่วงจั่น ประธานชุมชนบ้านเอื้ออาทรสวนพลูพัฒนา เล่าว่า ชุมชนมีปัญหาเรื่องความแออัด ยาเสพติดและขยะ ซึ่งส่งผลกระทบกับคนในชุมชน คนในชุมชนเจ็บป่วย มีคนติดบ้าน ติดเตียง เป็นชุมชนอาคารสูง เมื่อชุมชนได้ร่วมทำงานกับ สสส.พัฒนาชุมชน ทำให้คนในชุมชนมีความตื่นตัว ร่วมกันพัฒนาชุมชน มีการแยกขยะและทิ้งขยะในจุดทิ้งขยะ จัดหาพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้ให้ผู้สูงอายุได้พบปะพูดคุยกัน ได้มาออกกำลังกาย และจากการรวมกลุ่มกันของคนในชุมชนทำให้เกิดอาชีพเสริม มีความสามัคคี และการเก็บข้อมูลทำให้ทราบถึงปัญหาที่แท้จริง จนนำไปสู่การแก้ไขที่ตรงจุด ทำให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี เกิดความเข้มแข็ง และชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้

คุณพรทิพย์ วงศ์จอม ประธานชุมชนบ้านมั่นคงสวนพลู เล่าว่า ชุมชนมีความแออัด สภาพแวดล้อมไม่ดี มีภาระหนี้สิน เมื่อร่วมทำงานกับ สสส. ชุมชนมีความตระหนักถึงการบริหารจัดการครัวเรือน ด้านสุขภาพ ไม่รอให้ป่วยแล้วไปโรงพยาบาลเพื่อรักษา สร้างกลุ่มคนที่แข็งแรงดูแลคนอ่อนแอ ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ด้านเยาวชนมีกิจกรรมด้านกีฬา ดนตรี จัดสภาพแวดล้อมให้มีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่ส่วนกลาง มีจุดคัดแยกขยะ และทุกวันอาทิตย์จะมีเด็กและผู้สูงอายุมาช่วยกันมาคัดแยกขยะ เพื่อจำหน่าย ทำให้คนในชุมชนมีรายได้เพิ่ม ในส่วนขยะเปียกจากครัวเรือน จะนำไปทำปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งจะมีถังส่วนกลางไว้ให้ชาวบ้าน จากความร่วมมือกันของชาวบ้านเกิดความเปลี่ยนแปลงที่ดีทั้งด้านสุขภาพ สภาพแวดล้อม และทุกคนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพของตัวเองมากขึ้นช่วยกันจัดการสิ่งแวดล้อม ทำให้ชุมชนน่าอยู่ขึ้นมาก

จากการทำงานเชิงรุกของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ในการสร้างสุขภาวะชุมชนที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2553 นำร่อง 3 ชุมชนรอบพื้นที่ สสส. ทำให้ชาวชุมชนในทุกช่วงวัยมีสุขภาพวะที่ดี เกิดพลังสามัคคี สามารถพึ่งพาตัวเองได้ และให้ชุมชนเกิดความเข็มแข็ง ซึ่งความสำเร็จจากชุมชนนำร่องนี้จะเป็นต้นแบบขยายไปสู่ชุมชนอื่นได้ต่อไป เพราะข้อมูลจากสำนักการวางผังและพัฒนาเมือง พบว่า จำนวนชุมชนในกรุงเทพฯ มี 2,071 ชุมชน เป็นชุมชนแออัด 638 ชุมชน ชุมชนเมือง 537 ชุมชน หมู่บ้านจัดสรร 425 ชุมชน ชานเมือง 323 ชุมชน เคหะชุมชน และอาคารสูง 148 ชุมชน