เมื่อวันที่ 7 ก.พ. น.ส.สิริรัตน์ ภักตร์ขำ อายุ 55 ปี อาชีพขายไก่ย่าง เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับ พ.ต.ท.เทวกฤต มณีรัตน์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เกี่ยวกับกรณีเงินฝากธนาคาร ถูกโอนออกจากบัญชีไปจ่ายสินเชื่อให้กับบุคคลอื่น 37,400 บาท โดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้ได้รับความเสียหาย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 ก.ค.66 เวลาประมาณ 08.50 น. ซึ่งที่ผ่านมาพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ และพนักงานงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง ได้ทำหนังสือสอบถามไปยังธนาคารดังกล่าว แต่จนถึงตอนนี้เวลาล่วงเลยผ่านไปกว่า 7 เดือน ทางธนาคารไม่มีท่าทีที่จะแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด

น.ส.สิริรัตน์ ผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 66 เวลา 02.40 น. มีเงินจากประกันสังคมโอนเข้ามาในบัญชีตน แล้วช่วงเช้าวันเดียวกันเวลา 08.50 น. ได้ถูกถอนออกไป 37,400 บาท จึงเดินทางไปที่ธนาคารเพื่ออายัดบัญชีเอาไว้ก่อน จากนั้นไปแจ้งความที่ สภ.บางใหญ่ และเดินทางกลับมาที่ธนาคาร เพื่อตรวจสอบว่าเงินหายไปได้อย่างไร โอนไปบัญชีใคร หลังจากธนาคารตรวจสอบได้แจ้งว่าเงินถูกถอนออกไปจ่ายสินเชื่อของ นางสาวเบญจมาศ ซึ่งตนไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้เลย แล้วตนเองก็ไม่เคยกู้หนี้ยืมสินอะไรทั้งนั้น

ที่ผ่านมาได้ติดตามมาเป็นเวลา 7 เดือนแล้ว ทางธนาคารก็ไม่แสดงความรับผิดชอบอะไรเลย เวลาไปสอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคารเขาก็จะบอกว่าลูกค้าเงินหายไม่ได้คืนหรอก หลายคนแล้วที่โดนแบบนี้ ไปติดต่อก็ไม่ได้คืน เสียใจมากกับคำพูดแบบนี้ ตนเองก็ต้องค้าขาย ต้องมานั่งเสียเวลาติดตามเรื่อง ต้องหยุดไปธนาคารบ้าง ไปโรงพักบ้าง เพื่อจะเอาเงินกลับคืนมา ธนาคารพูดแบบนี้รู้สึกเสียใจมาก และเสียความรู้สึกตรงที่ทำไมธนาคารไม่รับผิดชอบอะไรเลย เงินก้อนนี้เป็นเงินออมจากประกันสังคม ให้มาตอนอายุครบ 55 ปี ตนก็ดีใจที่ได้เงินตรงนี้มา จะได้นำไปลงทุนค้าขายเพิ่ม แต่ต้องผิดหวังที่มาเจอเรื่องแบบนี้ ต้องทำอย่างไรถึงจะได้เงินก้อนนี้คืนกลับมา อยากจะขอความเป็นธรรมกับธนาคาร ขอให้ออกมารับผิดชอบด้วย

ด้าน พ.ต.ท.เทวกฤต กล่าวว่า ผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ผ่านเว็บไซต์ Thai police online เมื่อวันที่ 7 ก.ค.66 ซึ่งทางพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ เป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ และได้ทำการสอบสวนผู้เสียหายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากพฤติกรรมที่เกิดขึ้นคือ ผู้เสียหายได้รับเงินจากประกันสังคม เวลาประมาณ 02.00 น. วันที่ 4 ก.ค.66 ต่อมาเวลา ประมาณ 08.00 น. วันเดียวกัน เงินในบัญชีของผู้เสียหายได้ถูกโอนไปยังบัญชีปลายทาง ซึ่งผู้เสียหายไม่ได้ถูกคนร้ายชักจูงให้กดลิงก์ หรือโหลดแอปพลิเคชั่นแต่อย่างใด

เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือขออายัดบัญชีปลายทางซึ่งเป็นบัญชีธนาคารดังกล่าวเอาไว้ก่อน ซึ่งผลการตอบรับจากธนาคารทราบว่าบัญชีของผู้เสียหายถูกโอนออกไปเพื่อชำระสินเชื่อบัญชีปลายทาง ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีปลายทางแล้ว และผู้ต้องหาก็เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนแล้ว จากการสอบถามเจ้าของบัญชีปลายทางทราบว่า บัญชีสินเชื่อที่เงินของผู้เสียหายถูกโอนเข้าไปเป็นบัญชีสินเชื่อของเจ้าของบัญชีจริง แต่เจ้าของบัญชีไม่ทราบสาเหตุและไม่ได้รับรู้เกี่ยวกับเงินที่ถูกโอนออกมาชำระสินเชื่อแต่อย่างใด ซึ่งทางผู้เสียหายเปิดบัญชีไว้ที่ธนาคารดังกล่าว จึงรวบรวมสำนวนพยานหลักฐานส่ง สภ.บางบัวทอง เพื่อดำเนินการต่อไป

พ.ต.ท.เทวกฤต กล่าวต่ออีกว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้เสียหายกับบัญชีปลายทางที่ถูกโอนไปชำระสินเชื่อไม่ได้รู้จักกันมาก่อนและไม่เคยโทรฯ คุยกันแต่อย่างใด ซึ่งในส่วนของพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้ในส่วนข้อเท็จจริงที่ต้องปรากฏให้ได้คือ เงินของผู้เสียหายถูกโอนออกไปเพื่อชำระสินเชื่อของบัญชีปลายทางได้อย่างไร ซึ่งตรงนี้เป็นขั้นตอนการทำงานเจ้าหน้าที่ธนาคาร ทางพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง ได้ติดตามสอบถามจากธนาคารดังกล่าวเป็นระยะๆ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด