เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศ มอบนโยบายให้กับทีมประเทศไทยในสหรัฐอเมริกา ที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลา 17.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐ ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 12 ชั่วโมง เนื่องในโอกาสเดินทางเยือนสหรัฐ อย่างเป็นทางการ โดยมีนายธานี แสงรัตน์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน และนายเชษฐพันธ์ มากสัมพันธ์ อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ ให้การต้อนรับ รวมถึงมีเอกอัครราชทูตฝ่ายเศรษฐกิจ เอกอัครราชทูตฝ่ายการเกษตร เอกอัครราชทูตฝ่ายการศึกษา ผู้ช่วยทูตทหาร ร่วมรับมอบนโยบาย

ทั้งนี้ นายธานี กล่าวภายหลังการประชุม ว่า เป็นการประชุมกับทีมประเทศไทยครั้งที่ 2 ปี 2567 ของสถานเอกอัครราชทูตไทยฯ โดยมีรองนายกฯ เป็นประธาน ซึ่งสำนักงานทีมประเทศไทย 10 แห่ง ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานรวมถึงโครงการสำคัญ อาทิ กองทัพได้รายงานเรื่องการฝึกซ้อมรบร่วมคอบร้าโกลด์ทั้ง 3 เหล่าทัพ ความร่วมมือกองทัพเรือไทย-สหรัฐ การจัดหายุทโธปกรณ์ การเก็บกู้เรือ สำนักงานด้านความมั่นคงได้หารือการแลกเปลี่ยนข่าวกรองของไทยกับสหรัฐ ส่วนสำนักงานฝ่ายการเกษตรรายงานเรื่องความสำเร็จที่ไทยได้ร่วมมือกับสหรัฐในการนำเข้าส้มโอจากไทย และอยู่ระหว่างการเดินหน้าผลักดันการนำเข้าสินค้าเกษตรอื่นๆ

นายธานี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ นายปานปรีย์ห่วงใยเรื่องการดูแลนักเรียนไทยในสหรัฐที่มี 600-700 คน ซึ่งบางคนประสบปัญหาภาวะเรียนหนัก ตนจึงรายงานต่อนายปานปรีย์ ว่าสถานเอกอัครราชทูตไทย และสถานกงสุลใหญ่ไทยในสหรัฐอีก 3 แห่งทั้งในนครนิวยอร์ก ชิคาโก และลอสแอนเจลิส มีหน้าที่ในการดูแลนักเรียนไทย เสริมจากเอกอัครราชทูตฝ่ายการศึกษา รวมถึงมีการจัดงานพบปะของนักเรียนไทยใน 3 รัฐดังกล่าวด้วย สำหรับประเด็นด้านการค้า ได้รายงานให้นายปานปรีย์ทราบเรื่องการผลักดันการต่ออายุโครงการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ที่รัฐสภาสหรัฐไม่ได้ต่ออายุมานาน 3 ปี ซึ่งเอกอัครราชทูตไทยฯ และเอกอัครราชทูตอาร์เจนตินา เป็นประธานร่วม โดยมีอีก 20 ประเทศในการทำงานร่วมกับรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย โดนเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการรายย่อย

เมื่อถามถึงการผลักดันนโยบายส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของไทย นายธานี กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ร่วมกับทีมประเทศไทย นำเสนอซอฟต์พาวเวอร์ของไทยในหลายโอกาส อาทิ การจัดงานสวัสดีประเทศไทยในเดือน ก.ค.2566 มีแขกจากทำเนียบขาวเข้าร่วมงานจำนวนมาก และได้รับการสนับสนุนอย่างดี ช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้ากับประเทศไทย  

นายธานี กล่าวอีกว่า ในโอกาสที่นายปานปรีย์จะพบกับนายเอมอส โฮชสไตน์ ที่ปรึกษาอาวุโสของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ และนางจีนา ไรมอนโด รมว.พาณิชย์สหรัฐ ในวันที่ 12 ก.พ.นี้ จะหยิบยกเรื่องโครงการแลนด์บริดจ์มาหารือด้วย นอกจากนี้ การเดินทางเยือนสหรัฐเพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐได้รับความสำคัญมากขึ้น ซึ่งเป็นการเตรียมการนำไปสู่การเยือนอย่างเป็นทางการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ซึ่งเชื่อว่าจะเกิดขึ้นภายในไตรมาสแรก หรือไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 โดยในปีนี้เป็นปีที่สหรัฐจะมีการเลือกตั้ง