เมื่อวันที่ 12 ก.พ. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบในกรุงเทพมหานคร ตามนโยบายและข้อสั่งการของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ว่า ปัจจุบันยังมีประชาชนลงทะเบียนอย่างต่อเนื่อง โดยปัญหาหลักที่พบคือเจ้าหนี้ส่วนใหญ่จะไม่ได้มีการระบุชื่อจึงทำให้ยังสืบค้นไปไม่ถึง

อย่างไรก็ตาม กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการในส่วนที่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ เช่น การรับลงทะเบียน การดำเนินการเจรจาไกล่เกลี่ย รวมถึงการลดดอกเบี้ยสถานธนานุบาลกรุงเทพมหานคร (โรงรับจำ กทม.) ให้ต่ำที่สุด เพื่อเป็นการช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายแก่ประชาชน

โดยจะลดอัตราดอกเบี้ยพิเศษแก่ผู้มาใช้บริการโรงรับจำนำ กทม. ทั้ง 21 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 31 มี.ค. 67 รวมระยะเวลา 3 เดือน ดังนี้ 1. เงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.20 บาท ต่อเดือน 2. เงินต้น 5,001 – 15,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.80 บาท ต่อเดือน และ 3. เงินต้นเกิน 15,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.00 บาท ต่อเดือน

ด้านนายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 18 ก.พ. นี้ กรุงเทพมหานครร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะจัดมหกรรมตลาดนัดแก้หนี้กรุงเทพมหานคร ณ มูลนิธิพุทธรังสี (วัดฝอกวงซัน) เขตคลองสามวา ระหว่างเวลา 09.00 – 14.00 น. ซึ่งเขตคลองสามวา ถือว่าเป็นเขตที่มียอดการลงทะเบียนมากที่สุด

โดยกิจกรรมประกอบด้วย การให้คำปรึกษาด้านการเงิน สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ การให้ความรู้ด้านกฎหมาย การให้ความรู้ด้านการเงิน การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของลูกหนี้และเจ้าหนี้ รวมทั้งมีการจำหน่ายสินค้าราคาประหยัด (Bangkok Brand, OTOP) ตัดผม แจกจ่ายพันธุ์ไม้ สร้างงานสร้างอาชีพ บริการอาหารและน้ำดื่ม บริการทำบัตรประชาชน ตรวจสุขภาพ ตรวจทันตกรรม ทำหมัน-ตัดแต่งขนสุนัขและแมว ซึ่งประชาชนสามารถร่วมกิจกรรมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ทั้งนี้ หลังจากวันที่ 29 ก.พ. 67 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการลงทะเบียนนั้น กรุงเทพมหานครจะยังคงเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่น คงอัตราดอกเบี้ยโรงรับจำนำ กทม. ให้ต่ำไว้ เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนไม่ต้องไปกู้หนี้นอกระบบ.