ช่วงที่ผมทำงาน CSR ทีม The Pizza Company มีโครงการ Book Club ส่งเสริมให้นักเรียนในโรงเรียนทั่วประเทศรักการอ่าน วางแผนการอ่านหนังสือ ออกมาหน้าชั้นอ่านให้เพื่อน ๆ ฟัง และวิพากษ์วิจารณ์บทกวีอย่างสนุกสนาน เมื่อเด็ก ๆ ทำกิจกรรมแล้วคุณครูก็จะแสตมป์ตรา Book Club ให้สะสม พอสะสมครบก็มารับ Pizza ของบริษัทได้ทั่วประเทศ โครงการนี้ส่งผลให้เด็ก ๆ จำนวนมากสนุกกับการอ่าน จนติดเป็นนิสัย และผมได้เคยพบน้อง ๆ ที่เรียนในคณะแพทย์ วิศวกรรม วิทยาศาสตร์ ที่มีคะแนนสูง ๆ บอกว่าพวกเราเคยเข้าร่วมโครงการ Book Club จนสามารถสอบติดคณะเหล่านี้ได้

พอหาข้อมูลลึก ๆ และประมวลจากหลายแหล่ง ก็พบว่าคนไทยใช้เวลาอ่านเฉลี่ยวันละ 60 นาที ก็ไม่น้อย เมื่อก่อนเป็นการอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ เป็นส่วนใหญ่ แต่ในปัจจุบันได้เปลี่ยนมาอ่านในแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ แล้วกว่า 60% ข่าวยังคงเป็นพื้นที่ที่ตอบโจทย์คนที่อยากรู้เรื่องที่ทันสมัย ทันเหตุการณ์

แต่ข่าวอะไรที่คนสนใจอ่าน สังคมข่าวสารในปัจจุบันแข่งขันกันมาก นักข่าวมักจะหาข่าวที่ดราม่า และผลิตซํ้ากันไปเรื่อย ๆ คล้ายกันทุกช่องทาง จนบางครั้งผู้เสพข่าวที่มีสาระก็บ่น จนไม่อยากอ่าน ไม่อยากชม ที่จริงแล้วพอข่าวมีดราม่าไร้สาระมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็สนุกสนาน น่าติดตามกว่าละครนํ้าเน่าเสียด้วยซํ้า

ตอนเดลินิวส์ตัดสินใจจะทำพื้นที่ข่าวดี ๆ เพื่อสังคม ผมยังสงสัยว่า จะมีคนอ่านหรือเปล่า

เกือบหนึ่งปีผ่านไป ที่ร่วมทำข่าวเพื่อความยั่งยืน Sustainable Daily ผมรู้แล้วว่า ข่าวสารเหล่านี้จำเป็นมาก และมีผู้คนสนใจติดตามจำนวนไม่น้อย เริ่มจากบุคคลในวงการ ที่ต้องทราบเรื่องการเปลี่ยนแปลงของโลก การปรับตัว และตัวอย่างดี ๆ และต่อมาก็ขยายวงไปเรื่อย ๆ ขนาดผมเดินทางไปต่างจังหวัด แม่ค้า ชาวบ้านยังบอกว่าติดตาม Sustainable Daily เป็นประจำ มีสาระ มีประโยชน์ และมีคำแนะนำให้ผมปรับปรุงพัฒนามากมาย บางเรื่องก็นำกลับมาทำเลย บางเรื่องก็ต้องรอความพร้อมของทีมงาน

คนในวงการความยั่งยืน เห็นด้วยกับผมว่า การส่งข่าวแจก แม้ผู้ส่งข่าวจะทำได้ง่าย สื่อต่าง ๆ ก็ทำงานง่าย ลงข้อความเหมือน ๆ กัน มีรูปเดียวกัน แต่คนอ่านมักจะจับทางได้ เบื่อ ไม่สนใจอ่าน และบางครั้งถ้าลงซํ้า ๆ กันมากไป ก็ดูเป็นโฆษณา หรือฟอกเขียว เค้าชอบคอลัมน์ที่เดลินิวส์เขียน โดยมองข่าวนั้นหลาย ๆ มุม มีข้อดี ข้อเสีย และหาทาง ชี้นำว่าจะทำเรื่องเหล่านั้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จนมี Impact ได้อย่างไร ซึ่งในปีที่ผ่านมา มีคนเอาบทความเหล่านั้น ไปปรับองค์กร เปลี่ยนวิธีการทำงาน สร้างพันธมิตรที่ทำเรื่องเดียวกัน จนประสบความสำเร็จแล้วหลายกรณี

พื้นที่ข่าวความยั่งยืนของเดลินิวส์ขยายตัวไปเร็วมาก จากจุดเริ่มต้น มีพื้นที่ข่าวเล็ก ๆ ในหน้า 9 ของวันอาทิตย์เพียงวันเดียว เรียกว่า Sustainable Sunday

ต่อมามีผู้อ่านเรียกร้องอยากอ่านทุกวัเดลินิวส์จึงเปิดหน้า 4 เรียกว่า Sustainable Daily ในวันอังคารถึงวันศุกร์ จะมีข่าวความเคลื่อนไหวในวงการที่พลาดไม่ได้ โดยเฉพาะวันศุกร์ ผู้อ่านที่ชื่นชอบบทความที่มีสาระ แบบเจาะลึก เป็นปรัชญา อ่านแล้วงง ๆ แต่ได้ความรู้ ก็มักจะติดตามและมีข้อคิดเห็น ทั้งเห็นด้วย และเห็นต่าง ส่งมาให้ผมปรับปรุงเสมอ ติดตามข่าวความยั่งยืนของ Sustainable Daily ได้ที่ www.dailynews.co.th

เมื่อเดือนที่ผ่านมา ทีม บก. ก็ยังเปิดพื้นที่ข่าวใหม่ใน ช่องข่าว เดลินิวส์ YouTube ทุกวันศุกร์ เวลา 16.30-17.00 น.

เป็นรายการสดพูดคุยกับบุคคลสำคัญในวงการความยั่งยืน ว่าผู้นำเหล่านั้นคิดอย่างไร มีอะไรเร่งด่วนที่ต้องทำในปีนี้บ้าง

สามารถ ติดตามรายการ Sustainable Daily Talk ได้ที่ YouTube Dailynews Online

และเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ทีม บก. ก็ได้เปิดเพจ Sustainable Daily ใน Facebook เพื่อให้ผู้ติดตามทางแพลตฟอร์ม
ออนไลน์ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้สะดวก รวดเร็วขึ้น ท่านสามารถกด like กด follow ได้ที่ Sustainable Daily

นอกจากนี้ยังมี Instagram ที่ sustainable_daily

สำหรับท่านผู้อ่าน ท่านผู้ชมเดลินิวส์ คงจะมีความสะดวกในการเลือกรับชมตาม Lifestyle ของแต่ละท่าน

และสำหรับองค์กรต่าง ๆ ที่กำลังสื่อสารเพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืน แวะมาคุยกันได้นะครับ เพราะข่าวความยั่งยืน เป็นได้มากกว่าข่าวแจก ติดต่อทีม บก. ความยั่งยืนได้ที่ [email protected].