เมื่อวันที่ 19 ก.พ. น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานจาก ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผอ.องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) หรือ NSM ว่า NSM ได้รับซาก “ปลาออร์” (Oarfish) หรือ “ปลาพญานาค” ตัวที่ 2 หลังจากพบซากติดอวนเรือประมง จ.ภูเก็ต เมื่อช่วงวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา และ NSM ได้เดินทางไปรับซากปลาพญานาค เมื่อวันที่ 18 ก.พ. โดยตนได้กำชับให้ ผศ.ดร.รวิน ศึกษาวิจัยทั้งด้านอนุกรมวิธานและพันธุกรรม ซึ่งถือว่ามีความสำคัญทางวิชาการอย่างยิ่ง เพราะปลาพญานาค ถือเป็นตัวอย่างสัตว์ทะเลหายาก ดังนั้น เป็นโอกาสที่ดีที่นักวิชาการด้านธรรมชาติวิทยาที่มีความเชี่ยวชาญของ NSM จะได้ทำการศึกษาปลาชนิดนี้ เนื่องจากในประเทศไทยยังไม่มีข้อมูล จะได้เป็นองค์ความรู้ใหม่ ที่เราจะสามารถนำความรู้ที่ได้ ไปต่อยอดและใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต และที่สำคัญจะได้มีโอกาสนำไปจัดแสดงให้กับประชาชนและเยาวชนได้ดูสัตว์ทะเลหายากที่พบในทะเลไทยด้วย

ขณะที่ ดร.วีระ วิลาศรี ผอ.กองวิชาการสัตววิทยา สำนักวิชาการพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา NSM เปิดเผยว่า นับเป็นครั้งที่ 2 ในการพบ “ปลาออร์” (Oarfish) ในประเทศไทย จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ซากปลาดังกล่าว เนื้อหนังอยู่ในสภาพดี แต่ส่วนหัวมีความเสียหายเล็กน้อย อาจจะเกิดจากตอนเก็บซากขึ้นมา แต่โดยรวมซากมีความสมบูรณ์ประมาณ 70% ซึ่งวัดขนาดความยาวได้ 2.85 เมตร น้ำหนัก 8.6 กิโลกรัม นับว่าเป็นการพบปลาชนิดนี้ตัวแรกที่ จ.ภูเก็ต โดยไต๋เล็ก เรือ ป.มัสยานำโชค 4 หน่วยงานประมงจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยเเละพัฒนาประมงทะเลจังหวัดภูเก็ต และศูนย์ PIPO ได้ทำการตรวจสอบและนำมาส่งมอบให้กับ NSM เพื่อให้ทำการศึกษา โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา NSM ก็เพิ่งได้รับซากตัวแรกมาจาก จ.สตูล แต่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์มากนัก และถูกนำมาเก็บรักษาด้วยเทคนิคการดองเพื่อการศึกษาด้านอนุกรมวิธาน ซึ่งครั้งนี้เราได้รับมาอีก 1 ตัว ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่นักวิชาการด้านธรรมชาติวิทยา จะได้ทำการศึกษาปลาชนิดนี้ โดยเราจะศึกษาในแง่ลักษณะกายภาพของปลา สัณฐานวิทยา ลักษณะการกินอาหารของปลาชนิดนี้

ด้าน ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผอ.NSM กล่าวว่า หลังจากทำการศึกษาซาก “ปลาออร์” เสร็จทั้ง 2 ตัว NSM จะนำไปเก็บรักษาด้วยวิธีการที่เหมาะสมที่สุด เพราะถือเป็นสมบัติของชาติ และเตรียมนำไปจัดแสดงผ่านนิทรรศการ เพื่อให้คนไทยได้เห็นตัวจริงกันต่อไป