นายชูชาติ  รักจิตร  อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำปัจจุบัน ว่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 52,892 ล้าน ลบ.ม. (68% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 27,951 ล้าน ลบ.ม. (53% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 14,453 ล้าน ลบ.ม. (58% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) ปริมาณน้ำใช้การได้ 7,757 ล้าน ลบ.ม. (43% ของความจุอ่างฯ รวมกัน)  จนถึงขณะนี้ทั้งประเทศมีการใช้น้ำไปแล้วกว่า 14,298 ล้าน ลบ.ม. (57%)  เฉพาะลุ่มเจ้าพระยามีการใช้น้ำไปแล้วประมาณ 5,188 ล้าน ลบ.ม. (60%)  

ด้านสถานการณ์การเพาะปลูกข้าวนาปรัง ทั้งประเทศมีการทำนาปรังไปแล้วประมาณ 8.47 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 146 ของแผนฯ  เฉพาะลุ่มเจ้าพระยา มีการทำนาปรังไปแล้วประมาณ 5.68 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 188 ของแผนฯ สำหรับสถานการณ์ค่าความเค็มยังอยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้ แต่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากยังคงมีน้ำทะเลหนุนในบางช่วง

ทั้งนี้ การเพาะปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยามีแนวโน้มลดลง เนื่องจากเกษตรกรที่เพาะปลูกข้าวนาปรังรอบแรก เริ่มทยอยเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว  จึงให้โครงการชลประทานในพื้นที่ปรับลดการรับน้ำเข้าพื้นที่  พร้อมรณรงค์ขอความร่วมมือเกษตรกรไม่ทำนาปรังรอบ 2 และขอให้ทุกภาคส่วนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัด เป็นไปตามแผนที่ได้วางไว้ เพื่อให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัด เพียงพอใช้ต่อการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศ ไปจนถึงต้นฤดูฝนหน้า