จากกรณีแพทย์หญิงรายหนึ่งออกมาร้องขอความเป็นธรรม ถูกชายต่างชาติที่เป็นเจ้าของศูนย์อนุรักษ์ช้างเตะหลัง ขณะนั่งบันไดชมจันทร์หน้าวิลล่าแห่งหนึ่งบริเวณชายหาดภูเก็ต แถมยังถูกหญิงไทยซึ่งเป็นภรรยาของฝรั่งคนดังกล่าวด่ากราด อ้างมีตำรวจยศใหญ่คอยดูแลอยู่เบื้องหลัง ขณะที่คู่กรณีโต้ลั่นไม่ได้เตะ แค่สะดุดแล้วเท้าไปโดนหลังเท่านั้น

ช็อก! ‘แพทย์หญิง’ เล่าชัดตำรวจขู่คุก 4 ปี ฐานบุกรุก แต่ฝรั่งแค่จ่ายก็จบ

ล่าสุด รายการโหนกระแส ออกอากาศวันที่ 1 มี.ค.67 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” สัมภาษณ์ หมอปลาย ธารดาว , คุณพ่อเกษม จันทร์ดำ พ่อของหมอปลาย, ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี , ดร.มนต์ชัย จงไกลรัตนกุล หรือ ทนายแก้ว

ทั้งนี้ช่วงหนึ่ง ได้มีการต่อสายพูดคุย “คุณทราย” ภรรยา “คุณเดวิด” คู่กรณีของ “หมอปลาย” โดย “คุณทราย” ระบุว่า เป็นคนอุตรดิตถ์ ก่อนจะเดินทางไปที่สวิสฯ โดยอยู่กินกับเดวิดมาตั้งแต่ปี 2010 อยู่ด้วยกัน แต่ไม่ได้แต่งงาน ไม่มีลูกด้วยกัน เจอกันที่สวิสฯ

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ก่อนเกิดเหตุในกรณีคุณหมอ คือทรายอยู่ในสระว่ายน้ำ แล้วมีกลุ่มคนจีน 7-8 คนขึ้นไปที่สระว่ายน้ำเลย ซึ่งทรายก็ว่ายน้ำอยู่ตอนเย็น ตอนนั้นสามีไม่อยู่ จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์คุณหมอไปนั่ง ทรายก็บอกสามีว่าทำไมคนจีนขึ้นมาที่สระว่ายน้ำ ถ้าเขาจับหัวฉันกดน้ำ ฉันจะทำยังไง

ยอมรับว่ากังวลใจเพราะเราอยู่คนเดียว สามีไม่อยู่ ตรงนั้นเป็นบ้านส่วนตัวแล้วติดหาด เราก็แจ้งสามี ตอนแรกไม่ทราบว่าเป็นคุณหมอมานั่ง ทางนี้ก็คิดว่าเป็นกลุ่มเดียวกับทางนั้น เราบอกแล้วทำไมไม่สนใจ ก็ยอมรับว่าแกโมโห คิดว่าเป็นคนเก่า โมโหแล้ววิ่งไปหาคุณหมอ แล้วเขาสะดุดไปโดนคุณหมอ เรามีหลักฐานแผลที่เท้าเขาเปิดที่สะดุด ทั้งนี้จุดนี้ปกติแล้วถ้ายามแจ้งว่าคุณหมอขอนั่งชมวิวได้หรือไม่ เราก็ยินดี เป็นเกียรติด้วย ถ้ารู้ว่าเป็นคุณหมอ แต่ต้องเขาใจว่าเราไม่รู้ ถ้ารู้ว่าเป็นคุณหมอจะเชิญไปดื่มน้ำข้างใน

“คุณทราย” กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามช่วงที่ทรายลงมาก็ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ แต่ “คุณเดวิด” บอกว่าจะมีคนฟ้องฉันทำร้ายร่างกาย ให้ทรายลงมาหน่อย ทรายนอนตั้งแต่สองทุ่มแล้ว ทรายก็วิ่งงัวเงียลงมา ก็คิดว่าเป็นคนเดิม เมื่อลงมาถึงก็ด่าเลย

ส่วนกรณีที่ไปยกหูหาท่านรองท่านหนึ่ง เพื่อให้เรียกตำรวจมาระงับเหตุ เนื่องจากตอนนั้นแฟนบอกว่าฉันไม่ได้ทำร้ายร่างกาย แล้วปัญหาจะเกิดยังไง ก็เลยบอกว่าเดี๋ยวโทรฯหาตำรวจแถวนั้น ก็โทรฯหาท่านรองเพราะถ้าโทรฯหาสายตรวจโดยตรงไม่น่าจะเคลียร์จบคืนนั้น

ส่วนประเด็น เรื่องมุมคุณหมอจะรู้เรื่องกายวิภาค แยกออกว่าผิวสัมผัสที่โดนหลังคืออะไร สิ่งที่เธอโดนคือหน้าแข้ง เรื่องนี้เราก็ไม่รู้ ช่วงนั้นเราโมโห แต่เราอยู่กับเดวิดมา ไม่เคยมีนิสัยจะตีไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ไม่มีนิสัยแบบนั้น เอาหัวเป็นประกัน แกเสียงดัง ด่าอะใช่ แต่ไม่เคยทำร้ายใคร ไม่งั้นแกมาดูแลช้างไม่ได้ โดยเรื่องสะดุดล้มนิ้วกลางเท้าไปสะดุดแล้วเลือดออก ใบแพทย์อยู่กับทนายหมดแล้ว ให้ดูว่าเราไม่ได้ทำขึ้นมา

ประเด็นที่มีการด่าแรงนั้น ยอมรับว่าโมโห แต่เรายอมรับผิดว่าทำไมไม่ดร็อปลง แล้วคุยกับคุณหมอดีๆ ต่อให้ไม่ใช่คุณหมอ ต่อให้เป็นคนหาปลาก็ช่าง ตรงนี้ขอโทษว่าทำผิดจริง อยากให้ทรายทำยังไงก็ได้ เรื่องที่เกิดขึ้นอยากขอโทษคุณหมอและคุณพ่อด้วย

ด้าน ทนายแก้ว ถามย้ำว่า ตกลงคุณเดวิดเอาเท้าเตะคุณหมอจริงมั้ย คุณทราย ยืนยันว่า ไม่ แกวิ่งลงไป เรามีเท้าของแกที่เป็นแผล ตอนที่ทรายลงมาทรายไม่ได้เห็นแล้ว แต่ที่เขาโชว์เท้าให้ทรายดู มันเป็นเลือด แกถ่ายไว้ว่าไม่ได้เจตนา

ขณะที่ หมอปลาย และ คุณพ่อเกษม ยืนยันว่าเรื่องนี้ขอโทษก็ขอโทษไป แต่เรื่องทางกฎหมายก็ว่ากัน

นอกจากนี้ ประเด็นที่หลายคนสงสัยว่า คุณทราย มีลูกเป็นตำรวจ จริงหรือไม่นั้น คุณทราย ยืนยันว่าจริง แต่ยศบอกไม่ได้ เรื่องนี้ต้องขอโทษคุณหมอด้วยใจจริง โดยทาง หมอปลาย ระบุว่า ถ้าขอโทษด้วยความจริงใจจากข้างในก็ขอรับไว้ แต่ขอฝากไว้นิดนึง ไม่ว่าคนนั้นจะจีน ชาวต่างชาติ ชาวประมง หมอ หรือใครก็ตาม มันควรคุยกันดีๆ เราไม่ควรไปพูดภาษาที่ไม่โอเค แต่อะไรที่ผิดก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ทั้งนี้ คุณทราย ยอมรับด้วยว่า มีความกังวล โดยเรื่องจะมีการถอดถอนเรื่องวีซ่าด้วย

สุดท้าย ทนายแก้ว กล่าวถึงกรณีนี้ด้วยว่า กรณีคุณทรายขอโทษ แต่ก็เป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า จะดำเนินคดีหรือไม่ก็แล้วแต่ ส่วนคุณเดวิดถ้าเขาแจ้งความข้อหาบุกรุก คุณทรายก็แจ้งข้อหาแจ้งความเท็จได้ กรณีคุณหมอถูกกระทำ ก็แจ้งความไป ตอนนี้มีจำเลยสองคน คุณทรายเขาไม่ได้ขอโทษแทนคุณเดวิด เขาขอโทษที่สบถด่าคุณหมอ.