มีเพียงการออกไปพบปะกับประเทศต่างๆ เพื่อศึกษาและแลกเปลี่ยนแนวทางการบริหาร รวมถึงลงพื้นที่พบปะกับประชาชน เพื่อรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่เท่านั้น

ซึ่งตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวออกมาว่า รัฐบาลจะทำการปรับเก้าอี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหญ่ เพราะก่อนหน้านั้น บรรดารัฐมนตรีและแกนนำพรรคเพื่อไทย ต่างออกมาปฏิเสธข่าว บอกว่าการปรับ ครม. เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี อย่าง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ที่เคยหลุดปากว่า การปรับ ครม. จะเห็นความชัดเจน หลังสภาผ่านความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2567 แต่ล่าสุดได้ออกมาแก้ข่าวว่า การปรับ ครม. เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีที่จะพิจารณาตามความเหมาะสม หากนายกฯ เห็นสมควรจะปรับ

เฉกเช่นเดียวกับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ โดยระบุว่า เรื่องการปรับหรือไม่ปรับ นายกรัฐมนตรีเองก็ไม่อยากพูดเรื่องนี้ อยากให้รัฐมนตรีทุกคนได้ทำงานอย่างเต็มที่ และไม่อยากพูดเรื่องนี้ ขอให้รัฐมนตรีทุกคนทำงานได้เต็มที่ ผ่านมา 5-6 เดือน เรายังไม่ใช้งบประมาณของปี 67 เลย

ด้าน นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ก็ออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า การปรับ ครม. มีโอกาสเกิดขึ้นได้สูง แต่เป็นการปรับเล็ก เมื่อทำงานครบ 6 เดือน หรือ 1 ปี เป็นเรื่องปกติ ที่จะต้องมีการประเมินการทำงานของรัฐมนตรีแต่ละคน ขณะเดียวกัน ก็จะต้องมีการวางยุทธศาสตร์ทางการเมือง โดยอาจจะมีการสลับผลัดเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสม โดยอาจจะเป็นลักษณะของการจูนเครื่อง ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผล หรือการเชื่อมต่อของกลไกรัฐ กลไกราชการให้ไร้รอยต่อมากขึ้น ทำให้การขับเคลื่อนนโยบายเกิดผล

แต่ดูเหมือนรัฐมนตรีหลายคน ก็ยังดูมีความมั่นใจว่ายังไม่มีการปรับ ครม. ในเร็ววันนี้ เพราะทุกคนยังเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ โดยล่าสุด นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ที่มีกระแสข่าวว่า นายกรัฐมตรี จะปรับ ครม. พร้อมกับนั่งควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม ก็ออกมาบอกว่า กระแสการปรับ ครม. ก็ออกมาให้เห็นตั้งแต่มีการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ซึ่งเป็นเพียงการคาดหมายไปต่างๆ นานา โดยในขณะนี้ยังไม่ได้ยินข่าวนั้น แต่สำหรับตน ได้รับสัญญาณที่ดี เป็นสัญญาณบวก สัญญาณที่สร้างกำลังใจ สัญญาณที่สามารถให้การทำงานเดินหน้าได้

ฉะนั้นก็ต้องมาจับตาดูกันต่อไปว่า ธรรมเนียมของพรรคเพื่อไทย ที่จะมีการปรับ ครม. ทุกๆ 6 เดือน ในขณะที่เป็นพรรคแกนนำรัฐบาลนั้น จะมีผลออกมาอย่างไร ซึ่งในขณะนี้เอง นายใหญ่อย่าง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ได้รับการพักโทษออกมา กลับมาอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า อดีตศูนย์รวมอำนาจที่เคยมีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายต่อหลายคน ตบเท้ากันเดินเข้าออกไม่ขาดสาย ก็คงต้องดูกันต่อไปว่า หลังจากนี้จะมีรัฐมนตรีคนใด หรือ สส. คนไหน เข้าไปเยี่ยมเยียนนายทักษิณ หรือไม่ หลังจากเกิดกระแสการปรับ ครม.