หนึ่งในรถใหม่ที่จ่อเปิดตัวในบ้านเราในช่วงมอเตอร์โชว์ที่กำลังจะถึงนี้ก็คือ “น้องเล็ก” จากค่ายเลกซัส ในชื่อรุ่นว่า “LBX” รถครอสโอเวอร์ในพิกัด ซัพคอมแพ็ค (Sub Compact Crossover) เกรดพรีเมี่ยม ที่ใช้ขุมพลังเบนซินไฮบริด 1.5 ลิตร ที่มีความประหยัด และความสะดวก เน้นไปที่ กลุ่มลูกค้าที่ยังไม่พร้อมจะออกรถไฟฟ้าเป็นรถใหม่ หรือกลุ่มที่ยังเชื่อมั่นในความสะดวกของเครือข่ายปั๊มน้ำมัน แต่ที่สำคัญคือ ต้องการรถที่ทนทานเชื่อถือได้ในสไตล์ของเลกซัส นั่นเอง

2023.03.28

LBX นั้นย่อมาจาก Lexus Breakthrough Xover หรือ เลกซัส เบรคทรู ครอสโอเวอร์ ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่า “รถสไตล์ครอสโอเวอร์สายพันธ์ใหม่ของเลกซัส” ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าใหม่จริง เพราะนี่คือพิกัดเล็กที่สุดที่เลกซัส ได้ผลิตขึ้นมา โดยพื้นฐานของรถคันนี้ก็มาจาก โตโยต้า รุ่น ยาริส ครอส (Yaris Cross) แต่เป็นคนละเวอร์ชั่นกับที่มีขายในบ้านเรา โดยพิกัดตัวถังนั้นเรียกได้ว่า ใกล้เคียงกับ มาสด้า ซีเอ็กซ์ 3 (Mazda CX3) นั่นเอง แต่แน่นอนว่าด้วยชื่อชั้นของ “เลกซัส” แล้ว แม้จะตัวเล็ก แต่ก็อัดแน่นไปด้วยคุณภาพและความพรีเมียมที่เหนือกว่ารถยี่ห้ออื่นๆ

ด้านรูปลักษณ์นั้นถือว่าทำได้ลงตัว มีเส้นสายที่มีมัดกล้าม โดยด้านกระจังหน้านั้นเป็นแนวทางเดียวกับที่เราเห็นได้จาก รถตู้หรูของค่ายเลกซัส คือเป็นการดัดแปลงรูปแบบของกระจังหน้า รูปทรงนาฬิกาทราย ที่เลกซัสใช้มานับสิบปี แต่หั่นด้านบนออก คงเหลือแต่เพียงฐานด้านล่าง ส่วนด้านบนเปลี่ยนเป็นการเชื่อมไฟหน้าสองด้านด้วยการใช้เส้นนอนยาวแทน ถือว่าดูแล้วสบายตาทีเดียว ส่วนด้านท้ายก็ใช้ไฟท้ายที่มีการเชื่อมเส้นไฟจากซ้ายจดขวา ดูลงตัว พรีเมียม

ด้านห้องโดยสารนั้นแม้จะมีขนาดเล็ก แต่ได้รับการยกระดับคุณภาพวัสดุและสัมผัสขึ้นไปเหนือกว่ารถในพิกัดเดียวกัน และยังใช้ปรัชญาการออกแบบที่คงเน้น ความเชื่อถือได้จากการทดลองซ้ำๆ จนหมดข้อผิดพลาด ไม่ได้เอาแต่หวือหวา เหมือนค่ายรถหน้าใหม่นิยมกัน สังเกตได้จากการที่ยังรักษาไว้ซึ่งปุ่มควบคุมแบบกลไก แทนที่จะหันไปใช้ระบบทัชสกรีนล้วน เพราะมันได้พิสูจน์แล้วว่ามันใช้งานได้ง่ายและคล่องตัวกว่า

ด้านขุมกำลัง เบนซิน 3 สูบ 1.5 ลิตรไฮบริด นั้นเป็นดีไซน์แบบช่วงชักยาว มีกำลัง 91 แรงม้า มีแรงบิดสูงสุด 120 นิวตันเมตร ส่วนระบบไฮบริดนั้น ใช้แบตเตอรี่ความจุ 1 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 80 แรงม้า มีแรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร รวมพลังสูงสุดของระบบคือ 136 แรงม้า โดยมีให้เลือก 2 แบบ ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า หรือจะเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบ E-Four ที่จะมีการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มเข้าไปที่เพลาหลัง ช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะให้กับผู้ที่ต้องการใช้งานในประเทศที่มีหิมะ หรือคนที่ชอบการซิ่งบนถนนคดเคี้ยว

2023.03.28

ด้านช่วงล่างนั้น ด้านหน้าจะเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท (Macpherson Strut) แต่ด้านหลังจะแตกต่างกันในรุ่นขับหน้า และขับสี่ โดยรุ่นขับหน้านั้น กันสะเทือนหลังแบบคานบิดกึ่งอิสระ ทอร์ชั่นบีม (Torsion Beam) แต่ถ้าเป็นขับสี่ก็จะได้รับกันสะเทือนแบบอิสระ

สำหรับราคานั้น ในญี่ปุ่นอยู่ในช่วง 1.12 -1.35 ล้านบาท ถ้ามาบ้านเราก็แตะสองล้านอย่างแน่นอน เรียกว่าเป็นรถเศรษฐี เอาไว้ใช้จ่ายตลาดได้ทันที