เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 135/85 หมู่บ้านศรีสุชาติ 3 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต หลังรับแจ้งมีผู้ครอบครองวัตถุซึ่งเชื่อว่าเป็นพญานาค เมื่อไปถึงพบ นายกิตติศักดิ์ มากี อายุ 41 ปี ได้โชว์ภาพถ่าย และองค์พญานาคที่อ้างว่าเป็นองค์จริง ลักษณะคล้ายซากสัตว์ส่วนหัวมีหงอนปลายแหลมคล้ายพญานาคเลี่ยมใส่กรอบห้อยคออยู่ พร้อมเปิดเผยว่า พญานาคแปลงกายมาอยู่ที่บ้านตนเป็นเวลา 5 ปีกว่าแล้ว โดยท่านได้มาอยู่กับตนในคืนฝนตกหนัก ก่อนที่จะมาอยู่นี่ได้มาบอกตนในฝันบอกว่าจะมาขออยู่ด้วย ตนก็คิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นจริง เพราะว่าไม่น่าจะมีพญานาคอยู่จริง พอเช้าตื่นมาจะไปทำงานตามปกติก็ได้กลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วหน้าบ้าน จึงเดินหาว่ากลิ่นมาจากไหน ก็จะมาเจอซากสัตว์คล้ายงูแต่มีหงอนคล้ายกับพญานาคเกาะอยู่หน้ารถ จยย. ตอนนั้นยอมรับว่ายังลังเลไม่มั่นใจว่าที่เจออยู่นี่เป็นพญานาคหรือไม่ เป็นจริงไหม

นายกิตติศักดิ์ เล่าอีกว่า ด้วยความที่ตนมีสัญชาตญาณอยากรู้อยากเห็น ไม่ว่าอะไรก็ตาม จึงจับขึ้นมาดูเหมือนว่าท่านอาจจะรู้ว่าตนเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ตอนแรกลักษณะท่านมีหางครบถ้วน แต่ทำไปทำมาส่วนหางเกิดขาดออกจากตัวแล้วสลายจางหายไปต่อหน้าต่อตา เลยเชื่อว่าสิ่งที่อยู่ในมือเป็นพญานาคจริง จึงนำมาบูชาจากนั้นก็มีแต่เรื่องอัศจรรย์ จากที่เมื่อก่อนที่เคยลำบากก็ดีขึ้น มีโชคมีลาภเข้ามา กระทั่งมีปัญหาครั้งสำคัญที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินมากถึง 500,000 บาทไปใช้หนี้ จึงจุดธูปขอท่าน ผลปรากฏว่าเวลาเพียงสัปดาห์เดียวตนสามารถหาเงินไปใช้หนี้ได้ทันตามกำหนด จึงเอาไปเลี่ยมห้อยคอติดตัวมาตลอด 5 ปี และมีโชคเรื่อยมา

นายกิตติศักดิ์ เล่าว่า วันนี้ที่ตัดสินใจออกมาเปิดเผยหลังเก็บเป็นความลับมานานกว่า 5 ปี เพราะกลัวว่าหลังจากรุ่นตนหมดไปหากไม่บอกให้ผู้คนรุ่นหลังได้รับรู้ เกรงว่าจะถูกลบเลือนไปซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายยิ่ง จึงตัดสินใจที่เปิดเผยที่มาของซากพญานาค และความศักดิ์สิทธิ์ของพญานาคตนให้ได้รับรู้ โดยต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพิสูจน์ซากวัตถุคล้ายพญานาคที่ตนเก็บรักษามา เพื่อให้ผู้คนได้รับรู้ถึงเรื่องราวตำนานของพญานาคที่มีอยู่จริงตามหลักพระพุทธศาสนาที่มีคำกล่าวไว้ และให้ผู้มีจิตศรัทธาได้กราบไหว้บูชา อีกทั้งยังอาจทำให้ส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูเก็ต หลังเจอสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิค-19 ให้กลับฟื้นคืนมาได้บ้างไม่มากก็น้อย