จากกรณีกลุ่มกะเทยไทยจำนวนกว่า 2 พันคน นัดหมายมารวมตัวเพื่อปิดซอยสุขุมวิท 11 กทม. เพื่อกดดันให้กะเทยฟิลิปปินส์ประมาณ 20 คน ออกมามอบตัวเจรจา หลังจากรุมทำร้ายกะเทยไทยแล้วยังชิงทรัพย์สิน มีการถ่ายคลิปเยาะเย้ยถากถางลงโลกออนไลน์ให้ได้รับความเสียหาย ภายหลังฝ่ายกะเทยไทยเข้าแจ้งความดำเนินคดีฝ่ายกะเทยฟิลิปปินส์แล้ว อยู่ระหว่างการดำเนินการทางกฎหมาย โดยเหตุการณ์ดังกล่าว ถูกเรียกขานว่าเป็นวัน “กะเทยผ่านศึก” ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดในงานเก็บภาพบรรยากาศเบื้องหลังกองถ่ายภาพยนตร์ “หอแต๋วแตกแหกสัปะหยด” ที่โครงการเดอะฮับ พหลโยธิน-อารีย์ โดยในงานอดีตนักมวยชื่อดัง ตุ้ม-ปริญญา เจริญผล หนึ่งในนักแสดงของเรื่องได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงกระแสของกะเทยไทยและดราม่าดังกล่าวที่ถูกพูดถึงอยู่ขณะนี้และการทำงานในกองถ่ายภาพยนตร์ดังกล่าว

ตุ้ม เผยว่า “ที่มาร่วมแสดงหอแต๋วแตกฯคือต้องบอกก่อนว่าเขารวบรวมตำนานในแต่ละภาค เมื่อคืน 2024 กะเทยครองเมืองจ้า ติดตามอยู่แล้วค่ะ ถ้าเรื่องหนังหอแต๋วแตก หรือกะเทยต้องไว้ใจพี่พชร์ อานนท์เนอะ ต้องจารึกไว้เลย และดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหอแต๋วแตกฯ ส่วนเรื่องที่ไม่มีบท เราไม่กังวล เราชินกับของสดอยู่แล้ว สำหรับคำพูดที่ว่า “กะเทยมาชุมนุมโดยไม่ได้นัดหมาย” มันเหมือนมีศึกก็ช่วยกันรบ แต่ยามไม่มีศึก ก็ตบกันเองเนอะ กะเทย (ยิ้ม) จริงๆ เรื่องนี้มันไม่อยากให้กะเทยไทยที่รักกัน แต่เป็นทุกคนเลย ทุกเพศอยากให้ทุกคนรักกันแบบนี้ เอาเป็นว่าไม่มีใครอยากให้เกิดความรุนแรงหรือใช้ความรุนแรงหรอก แต่ถ้าเขามาดี เราก็พร้อมต้อนรับ แต่เขามาไม่ดี เราก็พร้อมบวกค่ะ (ยิ้ม) บวกที่แปลว่าสู้ค่ะ”

“จริงๆ มีหลายคนบอกไม่อยากให้เอามวยไทยมาทำอะไรแบบนี้ คือต้องเล่าก่อนว่ามันเหมือนเราเป็นคนถูกกระทำก่อนด้วย มวยไทยมันเป็นกีฬาของไทยเราจริงๆ ต่างชาติ ตุ้มเห็นมาเยอะแล้วเขาเก่งขึ้นนะและตอนนี้ชาวต่างชาติเก่งกว่าเรามากด้วย และมวยไทยเองก็เป็นสิ่งที่เรียนได้ทุกเพศทุกวัยนะคะ คนที่เป็นมวยได้เปรียบคนไม่เป็นมวยอยู่แล้ว อย่างตุ้มเองเราจะบอกลูกศิษย์เสมอว่าเราเรียนมวยไม่ได้เรียนแค่การป้องกันตัวอย่างเดียว แต่เรียนรู้อวัยวะภายในร่างกายแต่ละจุดกัน บางทีศอกเฉาะได้เลยนะ มันมีความน่าสนใจอยู่ในนั้น และลูกศิษย์ตุ้ม ทางเราก็สอนตลอดว่าเอามวยไปช่วยคนอื่น ช่วยตัวเอง และคนที่เรารัก แต่ไม่ให้ไปรังแกคนอื่น”

“สำหรับกรณีกะเทยฟิลิปปินส์ ต้องบอกก่อนว่าเขามาประเทศเราและมาทำตัวไม่น่ารัก มันไม่ใช่แค่เรื่องศักดิ์ศรี แต่เป็นเรื่องที่เราถูกกระทำก่อน แต่พอเราถูกกระทำก่อนฟิลิปปินส์เองเขาก็ต้องเข้าใจก่อนว่าเราถูกกระทำ ไม่ใช่เราไปทำเขา ซึ่งตุ้มเองเวลาไปฟิลิปปินส์ เราไปประเทศเขาเราเคารพสิทธิของเขา ไปเผยแพร่ความเป็นไทย เราไปทำคุณงามความดี ไม่ได้ไปกร่าง ขนาดตุ้มเป็นนักมวย ไปเราก็ไปแบบเรียบร้อย ลองคิดกลับกัน คิดถึงการที่คนของเขามาสร้างปัญหาและมากร่างในประเทศเราก่อน แต่ถ้าเขามาในฐานะนักท่องเที่ยวที่ดี เราไม่ได้อะไรอยู่แล้ว พร้อมต้อนรับ เราไม่ได้เหมารวมนะ แยกแยะได้ เราไม่ได้บอกว่าฟิลิปปินส์กะเทยไม่ดีนะ เราต้องแยกแยะให้ออก ถามว่าคนมีฟีดแบ็กมาถึงเราไหม มันก็มีที่ไม่เข้าใจ ก็อยากให้เข้าใจด้วย เพราะถ้าเป็นเราไปทำคนของเขา เขาก็ไม่ยอมหรอก”