เมื่อวันที่ 29 ก.ย. สถานการณ์พายุเตี้ยนหมู่ ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยที่ จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มวลน้ำลำเชียงไกร ที่ไหลมาจากอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร ใน อ.โนนไทย ไหลทะลักเข้าท่วม ตลาดเทศบาลตำบลโนนสูง ส่งผลให้ถนนรอบๆเขตเทศบาลโนนสูง น้ำท่วมสูงกว่า 70 เซนติเมตร รถเล็กผ่านเข้า-ออกไม่ได้ บางจุดท่วมสูง 1 เมตร เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยเทศบาลตำบลโนนสูง นำแผงจราจร มาปิดกั้น ไม่ให้รถเล็กผ่าน โดยระดับน้ำวันนี้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าท่วมบ้านหนองอ้อ หมู่ 5 ต.เมืองปราสาท ยังคงท่วมสูง ระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร บางจุดน้ำท่วมสูงถึง 2 เมตร ชาวบ้านบางคนต้องอพยพมานอนอยู่ในเต็นท์ริมถนนที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้กางเต็นท์เป็นจุดประสานงาน

นางวรลักษณ์ คำกิ่ง อายุ 58 ปี ชาวบ้านหนองอ้อ เล่านาทีชีวิตช่วงที่กระแสน้ำมหาศาล ทะลักเข้ามาในหมู่บ้าน ทำให้ตนเองตั้งตัวไม่ทัน รีบนำแม่ที่อายุกว่า 80 ปี ขึ้นเรืออีโปงเพื่อออกมาขอความช่วยเหลือ ก่อนที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจะให้การช่วยเหลืออย่างปลอดภัย โดยตนเองไม่ได้นำเอาทรัพย์สินอะไรออกมาจากภายในบ้านได้เลย มีเพียงโทรศัพท์ และกระเป๋ายาของแม่เท่านั้น ซึ่งไม่รู้ว่าปริมาณน้ำจะลดลงเมื่อไหร่ ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.โนนสูงวันนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยช่วงสายๆวันนี้ (29 ก.ย.) หน่วยกู้ภัย จะนำเรือลงไปสำรวจดูชาวบ้านที่ยังคงไม่ยอมออกมาข้างนอก เพื่อให้การช่วยเหลือชาวบ้านต่อไป

นายวีระศักดิ์ ตะวันเลิศสกุล หัวหน้าชุด หน่วยกู้ภัยรื่นจิตอาสาอำเภอคง รับแจ้งจากประชาชนขอความช่วยเหลืออพยพย้ายชาวบ้าน บ้านตะคร้อ หมู่ 7 ต.สำโรง อ.โนนไทย ว่า ได้รับความเดือดร้อนจากมวลน้ำที่ไหลมาจากอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง เข้าท่วมขังโดยรอบหมู่บ้าน ตัดขาดเส้นทางสัญจรไม่สามารถเดินทางออกมาได้ นอกจากนี้กระแสไฟฟ้าหลักยังถูกตัดไม่สามารถใช้การได้เนื่องจากเกรงว่าระดับน้ำที่ท่วมสูงอาจจะทำให้เกิดกระแสไฟรั่วจนส่งผลทำให้ประชาชนในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมได้รับอันตราย จึงทำให้โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ติดต่อสื่อสารขอความช่วยเหลือกับบุคคลภายนอกไม่สามารถใช้การได้ ต้องส่งตัวแทนชาวบ้านลอยคอออกมาเพื่อมาขอความช่วยเหลือ    

ซึ่งจากการลงพื้นที่บ้านตะคร้อ หมู่ 7 ต.สำโรง อ.โนนไทย พบว่ามีประชาชนอาศัยอยู่ประมาณ 100 ครัวเรือน มีตัวแทนชาวบ้านนำเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยเข้าไปยังหมู่บ้านที่ได้รับความเดือดร้อน โดยใช้เรือท้องแบนเป็นพาหนะ เนื่องจากโดยรอบหมู่บ้านถูกน้ำท่วมขังระดับน้ำลึกมากกว่า 2 เมตร และกระแสน้ำไหลเชี่ยวรุนแรง ไม่สามารถเดินทางโดยใช้ถนนเส้นทางเข้า-ออกหมู่บ้านได้ จึงถูกตัดขาดจากโลกภายนอกไปโดยปริยาย เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำน้ำ อาหาร และอุปกรณ์ในการติดต่อสื่อสารไปส่งมอบให้ชาวบ้านสามารถใช้ดำรงชีพได้ก่อนเป็นการชั่วคราว พร้อมอพยพคนป่วย เด็กและผู้สูงอายุออกมายังที่ปลอดภัย ส่วนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบให้ไปพักอาศัยอยู่ที่ศาลาประชาคมหมู่บ้านที่อยู่สูงขึ้นไปจากระดับน้ำท่วมถึง ทั้งนี้จากการสอบถามชาวบ้าน ต่างให้การว่า น้ำท่วมในครั้งนี้รุนแรงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งหมู่บ้านนี้มาเลยทีเดียว