สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงนโยบายประจำปีต่อที่ประชุมร่วมวาระพิเศษ ของสภาคองเกรส เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในวันที่ 5 พ.ย. ที่จะถึง
President Biden on January 6th: "You can't love your country only when you win." #SOTU2024 #SOTU pic.twitter.com/ZmEDN6NiiJ
— CSPAN (@cspan) March 8, 2024
แน่นอนว่า การแถลงตอนหนึ่งต้องมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเมืองภายในประเทศ ซึ่งผู้นำสหรัฐกล่าวว่า บ้านเมืองกำลังเผชิญกับการคุกคามต่อเสรีภาพ และกลไกประชาธิปไตย ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ยุคสงครามกลางเมือง ในสมัยประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น

ตลอดระยะเวลาของการกล่าวสุนทรพจน์ ไบเดนไม่เอ่ยโดยตรงถึงนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี ซึ่งจะเป็นคู่แข่งสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ แต่ใช้คำว่า “ผู้นำคนก่อนหน้า” ซึ่งไบเดนกล่าวว่า “ก้มหัว” ให้กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ทว่าตัวเขา “ไม่มีทางทำเช่นนั้น” และเน้นย้ำความสนับสนุนของรัฐบาลวอชิงตัน ที่มีต่อยูเครน
President Biden: "If the United States walks away it will put Ukraine at risk…My message to President Putin who I've known for a long time is simple; we will not walk away. We will not bow down. I will not bow down." #SOTU2024 #SOTU pic.twitter.com/u1GwTlP4kS
— CSPAN (@cspan) March 8, 2024
นอกจากนี้ ไบเดนกล่าวถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ว่า “เจริญรุ่งเรือง” ในยุคของตัวเอง ด้วยสถิติการสร้างงานใหม่ 15 ล้านตำแหน่ง ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี และอัตราการว่างงานต่ำที่สุดในรอบ 50 ปี แม้ผลสำรวจความคิดเห็นอเมริกันชน จากศูนย์วิจัยแทบทุกแห่ง เป็นไปในทางเดียวกัน ว่าประชาชนยังคงไม่พอใจกับค่าครองชีพที่ยังอยู่ในระดับสูง และเศรษฐกิจของสหรัฐไม่ได้เติบโตอย่างที่ควรจะเป็น แต่ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า “เป็นมรดกจากรัฐบาลชุดก่อนหน้า”
เกี่ยวกับความกังวล และเสียงวิพากษ์วิจารณ์ พร้อมคำถามของหลายฝ่าย ที่มีต่ออายุของไบเดน ซึ่งมากถึง 81 ปีแล้ว ว่าสมควรลงสมัครรับเลือกตั้งอีกสมัยหรือไม่ ผู้นำสหรัฐกล่าวด้วยตัวเอง ว่าสิ่งซึ่งเพิ่มขึ้นตามวัยวุฒิที่เพิ่มขึ้น คือ “การรับรู้ประวัติศาสตร์ของอเมริกา”.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES