เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 มี.ค. ที่ร้านอาหารพริ้มเพลิน จ.ปทุมธานี คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร จัดสัมมนาเรื่อง “การใช้พื้นที่ทหาร บทบาทหน้าที่ของทหารกับท้องถิ่นในการพัฒนาประเทศ” โดยมี นายวิโรจน์  ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธาน กมธ.ทหาร กล่าวเปิดสัมมนาตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันกระสุนทุกนัด อาวุธที่ทหารจัดซื้อเชื่อว่ามีความจำเป็น แต่ทุกครั้งที่มีการบอกว่าจัดซื้อนั้น ประชาชนกลับออกมาต่อต้านทันที แสดงว่าความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างพลเรือนกับทหารนั้นมีการสั่นคลอน ทำให้การจัดซื้อจัดจ้างสิ่งที่มีความจำเป็นต่อความมั่นคงและการปฏิบัติหน้าที่ของทหารจริงๆ ของทหารอาชีพถูกลดทอนประสิทธิภาพลง ดังนั้นวันนี้บทบาทกรรมาธิการการทหารที่สำคัญที่สุดคือการผสานให้ประชาชนกับกองทัพ กลับมามีความไว้เนื้อเชื่อใจและเข้าอกเข้าใจกันในเชิงเหตุผลตรวจสอบซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะภาคประชาชนตรวจสอบกองทัพอย่างสมเหตุสมผลอย่างมีเนื้อหาสาระ ไม่ได้มีการตรวจสอบอย่างอคติหรือเกลียดชัง 

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ล่าสุดคือคนตกใจเห็นตนไม่คัดค้านเรือฟริเกต 17,000 ล้านบาท เพราะเห็นว่ามีความสมเหตุสมผล แต่วันที่ 5 มี.ค. ผ่านมา กองทัพเรือเตรียมเนื้อหาสาระในการอธิบายให้กับกรรมาธิการฯ ฟังอย่างดี เนื้อหานั้น กมธ.การทหาร รับรู้แล้วว่ามีความจำเป็น ตัวแทนก้าวไกล ยกมือให้ผ่าน แต่ตัวแทนพรรครัฐบาลกับตัดงบฯ เพื่อเอาเงินทั้งหมดที่ตนเดาว่าจะเอาไปเข้างบกลางที่เป็นการตีเช็คเปล่าให้กับนายกรัฐมนตรีที่ไม่รู้ว่าตัววันนี้เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงหรือเปล่า ทั้งนี้ ที่ตนสนับสนุนเรือฟริเกต เนื่องจากจะเป็นการต่อเรือในประเทศไทยครั้งแรกขนาด 3,900 ตัน เป็นคุณูปการต่อวิศวกรรมต่อเรือมหาศาล เป็นการจ้างงานจำนวนมาก และเป็นประโยชน์ในการต่อเรือลำต่อๆ ไป ที่ใช้ในการส่งออกได้ ที่สำคัญคือการบำรุงรักษาและสำรองอะไหล่จะทำให้ลดต้นทุนในการบำรุงรักษาเรือในระยะยาว ดังนั้นตนจึงสนับสนุนเรือฟริเกต อีกทั้งที่บอกว่าคุ้ม เนื่องจากจำนวน 17,000 ล้านบาทถูก เพราะ 10 ปีก่อนเราซื้อเรือรบหลวงภูมิพล 15,000 ล้านบาท เมื่อคูณเงินเฟ้อ 10 ปี วันนี้ 17,000 ล้านบาท ไม่มีทางซื้อได้ในราคานี้ ยกเว้นว่าต่อเอง ดังนั้นนี่คือนโยบายที่พรรคก้าวไกลสนับสนุนแต่วันนี้เรือฟริเกตก็เป็นหมันไปเสียแล้ว

“ผมสนับสนุนเรือฟริเกต เพราะเราต่อเอง เป็นคุณูปการต่อวิศวกรรมต่อเรือ แต่ไม่สนับสนุนเรือดำน้ำ เพราะเรือดำน้ำนั้น เราเอาเงินไปโยนให้เขาแต่ไม่ได้ประโยชน์อะไรกลับมาเลย แถมเครื่องยนต์ที่ผลิตไฟฟ้าก็ตุ๊มๆ ต่อมๆ ว่าจะได้เครื่องของจีนหรือเยอรมนี โยนลงน้ำไปดำแน่แต่โผล่ขึ้นมาหรือไม่ก็ไม่รู้ อย่างไรก็ตาม แล้วรัฐบาลบอกว่าหลวงงบประมาณไม่พอซึ่งมันไม่เกี่ยว หากงบประมาณตัดทิ้งแล้วทิ้งไปมันก็จบแต่นี่ตัดแล้วเอาเข้างบกลาง นี่คือปัญหา ตกลงแล้ววันนี้เรายังเชื่อน้ำงิ้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้หรือไม่ จะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ เพราะตนให้คนเอาเอกสารไปให้ไม่ใช่การส่งจดหมาย” นายวิโรจน์ กล่าว 

นายวิโรจน์ กล่าวว่า พูดแล้วก็ยิ่งแค้น ถ้ามีกระป๋องจะเตะกระป๋องโชว์ ความฝันที่ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการต่อเรือจบลงแล้ว แล้วนายกรัฐมนตรีก็เคยพูดว่าการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ไม่เป็นไรมาก ถ้ามีความเชื่อมโยงกับการพัฒนาเศรษฐกิจ

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า สำหรับการบริหารที่ดินสนามกอล์ฟของกองทัพอากาศ ตนตั้งคำถาม เพราะสิ่งที่สำคัญที่ทำให้กองทัพและพลเรือน มีความสัมพันธ์ที่ดี คือความโปร่งใส ตนขอบคุณ 2 เหล่าทัพ คือทัพเรือ กับทัพอากาศที่วันนี้ให้ความร่วมมือกับกรรมาธิการดีมาก ส่วน ผบ.ทบ.ก็กำลังสร้างความสัมพันธ์เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกันมากขึ้น เข้าใจว่าการสื่อสารของกองทัพกับประชาชนบางครั้งมีข้อจำกัดแต่ถ้าสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจแล้วให้กรรมาธิการช่วยในการประชาสัมพันธ์บอกเล่าเก้าสิบกับภาคประชาชน ซึ่งเชื่อว่ามันจะมีการวิพากษ์วิจารณ์อยู่แล้ว แต่ถ้ามีการสื่อสารมากขึ้นจะทำให้เกิดการไว้เนื้อเชื่อใจกันมากที่สุด ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเห็นด้วยเห็นดีไปตลอดแต่หมายถึงความโปร่งใส ตรวจสอบได้

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ดังนั้น ในส่วนของการบริหารจัดการที่ดินของกองทัพนั้น ความสำคัญที่สุดจะโอนให้กับท้องถิ่นหรือไม่ ถ้าโอนให้ได้ก็จะประเสริฐที่สุด ดีที่สุด แต่ถ้ากองทัพจะดำเนินการต่อ จะต้องชี้แจงให้ได้ว่าเป็นการจัดสรรเงินให้กับนายทหารเท่าไหร่ ส่งเงินเข้ารัฐเท่าไหร่ จ่ายให้กรมธนารักษ์เท่าไหร่ หรือจัดสรรให้ประชาชนใช้อย่างเป็นธรรมได้หรือไม่ ความไว้เนื้อเชื่อใจก็จะมีมากขึ้น แต่ดีที่สุดคือโอนให้ท้องถิ่นแล้วให้งบประมาณท้องถิ่นดูแลบริหารจัดการไป แต่อาจจะไม่ตอบโจทย์การเป็นสวัสดิการของกองทัพ ดังนั้น ต้องหารือและหาจุดที่เหมาะสมที่สุด

ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปทุมธานี กล่าวยอมรับว่า ตนในฐานะนายก อบจ.ปทุมธานี ต้องการสวนสาธารณะมาก และมีความพร้อมด้านงบประมาณ เพราะในปี 66 ที่ผ่านมาสามารถบริหารงบประมาณ มีการอุดรูรั่วการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยปีงบฯ ที่ผ่านมา ก่อนปิดงบฯ มีเงิน 400 ล้านบาท ซึ่งตั้งงบฯ ไว้ที่ 1,750 ล้านบาท ทำให้ในปีงบฯ หน้า มีงบฯ กว่า 2,000 ล้านบาท จ. ปทุมธานี ถือว่าเป็น 1 ใน 5 จังหวัด ที่เป็นจังหวัดที่มีรายได้สูงสุด โดยจะสามารถตั้งงบประมาณผูกพันไว้ทุกปี ปีละ 100 ล้านบาท ก่อสร้างในพื้นที่ 125 ไร่ หากสามารถก่อสร้างสวนสาธารณะได้เหมือนสวนจตุจักรโมเดลที่ในอดีตเคยเป็นสนามกอล์ฟของกองทัพมาก่อนในปัจจุบันจะเป็นปอดของชาวกรุงเทพฯ ตนก็อยากจะเห็นและพร้อมที่จะพัฒนาแต่ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการว่าจะได้มาอย่างไร 

“ผมอยากจะให้ กมธ.ทหารช่วยหารือรวมถึงวิธีการที่ อบจ.ปทุมธานี สามารถตั้งงบฯ ไปดำเนินการ และมีการตั้งเป้าว่าหากสามารถดำเนินการเป็นสวนสาธารณะได้ก็จะพัฒนาเป็นศูนย์กีฬาต่อไป” นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าว.