นายจูนจิ โอตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยถึงผลประกอบการ ปี 2566 ของบริษัทฯ ว่า มียอดขายรวมทั้งหมด 58,000 ล้านบาท โดยเมื่อปี 65 มียอดขายอยู่ที่ 63,000 ล้านบาท ลดลงประมาณ 7% สาเหตุเกิดจากสถานการณ์ภัยแล้งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บวกกับปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูกทำให้ผลผลิตพืชเศรษฐกิจหลักลดลง รวมถึงต้นทุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของเกษตรกร สำหรับในปี 67 ตั้งเป้ายอดขายรวมอยู่ที่ 60,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมแผนการลงทุนประมาณ 1,400 ล้านบาท สำหรับการผลิตสินค้าใหม่ และการสนับสนุนกระบวนการผลิตต่างๆ

ด้าน นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส กล่าวว่า  ปี 67 บริษัทเตรียมบุกตลาดด้วยกลยุทธ์ RACE ประกอบด้วย R – Retain Leadership รักษาความเป็นผู้นำ เป็นการรักษากลุ่มลูกค้าเก่า มุ่งเน้นการให้ความรู้ การบริการที่ดีทั้งการบริการหลังการขายและความพร้อมของอะไหล่ เพื่อสร้างความไว้วางใจและเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของคูโบต้า A – Accelerate Growth ขยายตลาดเพื่อการเติบโต เพิ่มการใช้งานเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่อพ่วงให้ครอบคลุมทุกขั้นตอนการเพาะปลูกทั้งพืชไร่และพืชสวน โดยการพัฒนาอุปกรณ์ต่อพ่วงให้สามารถใช้งานร่วมกันสินค้าปัจจุบันได้หลากหลาย รวมถึงขยายไปสู่พืชมูลค่าสูง (High Value Crop)

C – Climate Change รับมือสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ผ่านการส่งเสริมให้เกษตรกรทำการเกษตรโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ โซลูชั่นการทำนาเปียกสลับแห้ง การจัดการการใช้น้ำในแปลง การจัดการฟาร์มโดยใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน การปลูกพืชแบบในร่ม การนำพลังงานสะอาดมาใช้เพื่อการเกษตร และ E- ESG for Sustainability ดำเนินธุรกิจ  เพื่อความยั่งยืน ด้วยการสร้างสมดุล Ecosystem พร้อมกับความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคน โดยเฉพาะแนวคิดการส่งเสริมและสนับสนุนความยั่งยืนบนเส้นทางอาชีพของเกษตรกรให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างรากฐานแห่งความยั่งยืนของชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของเกษตรกร

ขณะที่นายพิษณุ มิลินทานุช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการทั่วไป สายงานขาย การตลาดและบริการ กล่าวว่า สยามคูโบต้ายังเตรียมเปิดตัว 2 แคมเปญใหญ่ สะท้อนความไว้ใจของลูกค้าอย่างยาวนาน และการมีส่วนช่วยสร้างสรรค์สังคมให้ดียิ่งขึ้น โดยแคมเปญแรก จะสะท้อนบทบาทสำคัญของเกษตรกรภายใต้ชื่อ “No Farmer, No Us ไม่มีเขา ไม่มีเรา” ซึ่งจะเน้นการให้คุณค่าแก่เกษตรกรทุกคนทุกวัยเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง สามารถขับเคลื่อนด้วยการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เพราะเราเชื่อว่าเกษตรกรคือห่วงโซ่สำคัญในการสร้างความมั่นคงทางอาหาร (Food security) แก่ทุกคนบนโลก และ “คูโบต้า คันที่ใช่ พร้อมลุยทุกข้อจำกัด”