เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากหญิงชาวอำเภอบ้านไร่ อายุ 64 ปี หลังถูกน้องสาวของอดีตสามีลูกสาว เอาเงินประกันอุบัติเหตุกว่า 1.7 ล้านบาทไปจนเกลี้ยง ซ้ำพอทวงถาม กลับโดนอีกฝ่ายข่มขู่ ต่อว่า ให้หาจ้างทนายดีๆ มาฟ้องคืนเอา ตอนนี้ชีวิตครอบครัวลำบากหนัก มีเพียงเงินรับจ้างตัดอ้อยรายวันเลี้ยง 3 ชีวิต จนปัญญาสู้เพราะไม่รู้หนังสือ และไม่มีเงิน อยากวอนขอความเห็นใจจากทนาย หรือผู้ที่รู้กฎหมาย เข้ามาช่วยทวงคืนความเป็นธรรมให้กับครอบครัวตนเอง

โดยผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านพักของหญิงรายดังกล่าว ในพื้นที่หมู่ 2 ต.วังหิน อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี พบกับ นางกำจัด เอี่ยมละออ อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นผู้ร้องเรียน ได้พาเข้าไปพบกับลูกสาวของตนเอง คือ น.ส.สมพร มะยุเรศ อายุ 42 ปี ซึ่งอยู่ในสภาพเป็นผู้ป่วยติดเตียงมานานกว่า 14 ปี ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ถาวร หลังจากประสบอุบัติเหตุเมื่อ 14 ปีก่อน ส่งผลให้ต้องผ่าตัดสมอง และต้องเจาะคอเพื่อเอาไว้ดูดเสลดออกมา เพื่อยังให้หายใจต่อได้

นางกำจัด เล่าว่า ตอนนี้ชีวิตครอบครัวลำบากมาก ตนมีรายได้จากอาชีพรับจ้างทั่วไป หากมีคนจ้างก็มีเงินเข้าบ้าน และรายได้อีกหนึ่งทางก็มาจากการนำไม้กวาดมาขายที่หน้าบ้าน ซึ่งบางวันก็ขายได้บ้าง บางครั้งเป็นอาทิตย์ก็ขายไม่ได้เลยก็มี ทำให้แทบจะไม่มีเงินมาใช้ประคองชีวิตในครอบครัว จึงต้องออกไปหารับจ้างเป็นแรงงานตามไร่อ้อยเพิ่ม โดยแต่ละวันก็จะตระเวนขี่รถสามล้อเครื่อง พร้อมอุปกรณ์ตัดอ้อยออกไปหารับจ้าง หากมีบ้านไหนจ้าง ก็จะได้เงินค่าแรง 300 บาท

นางกำจัด เล่าต่อไปว่า การประสบอุบัติเหตุของลูกสาวในครั้งนั้น เป็นการประสบอุบัติเหตุของครอบครัวลูกสาวกับสามี และลูกอีก 2 คน แต่คนที่เจ็บหนักเป็นลูกสาวตน จากคนที่ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ต้องมากลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และลูกชายของลูกสาวตน ที่ประสบอุบัติเหตุด้วยครั้งนั้น ก็กลายเป็นคนที่ไม่ยอมพูดจากับใคร บางครั้งก็ชอบเก็บตัวเงียบ แต่ก็ยังคงเรียนหนังสือได้อยู่ ปัจจุบันอายุได้ 18 ปีแล้ว ส่วนลูกสาวอีก 1 คน ของลูกสาวตน ทางน้องสาวของอดีตสามีลูกสาวตนนั้นเลี้ยงดูอยู่ และหลังจากลูกสาวตนนอนติดเตียง สามีของลูกสาวก็ได้เลิกราไปมีครอบครัวใหม่

นางกำจัด เล่าอีกว่า ก่อนหน้าที่ลูกสาวของตนจะประสบอุบัติเหตนั้น ได้ทำประกันชีวิตและประกันอุบัติเหตุไว้ด้วย ซึ่งหลังจากเกิดอุบัติเหตุ ทางประกันได้จ่ายเงินมาให้กับทางครอบครัวของลูกสาว ตนนั้นไม่ทราบเรื่องเอกสาร แต่คิดว่าผู้รับประโยชน์น่าจะเป็นสามี ยอดเงินที่ได้รับมาเป็นเงินจำนวน 1,077,000 บาท ซึ่งตนทราบมาว่า ทางสามีของลูกสาว ได้มอบให้ทาง น.ส.เอ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นน้องสาวของอดีตสามีลูกสาว เป็นผู้รับเงินก้อนนี้ไป เพราะก่อนหน้านี้ ทาง น.ส.เอ นั้น เคยนำตัวลูกสาวตน พร้อมกับลูกของลูกสาวตนอีก 2 คน ไปดูแลอยู่ประมาณ 1 ปีกว่า ก่อนนำตัวมาส่งคืนให้ตนเลี้ยงดูต่อ โดยให้เงินมา 20,000 บาท พร้อมทองคำหนัก 1 บาท โดยอ้างว่า เขามีครอบครัวต้องดูแล และต้องเลี้ยงดูลูกสาวนางสมพร อีก 1 คน อายุ 17 ปี อีกด้วย

“ยอมรับว่า เรื่องนี้ก็ผ่านมานานกว่า 12 ปีแล้ว แต่ที่อยากมาเรียกร้อง ก็เพราะว่าตอนนี้ลำบากมาก สิ่งที่อยากได้ก็คือ เงินประกันที่ลูกสาวควรจะได้รับกลับคืนมา เพื่อนำมาใช้เลี้ยงดูลูกสาวและหลานชายต่อไป อยากให้คนที่รับเงินประกันไปนั้น นำเงินมาคืนให้บ้าง คิดว่าภายในระยะเวลา 1 ปีกว่า ค่าใช้จ่ายดูแลลูกสาวและหลานนั้น ก็ไม่น่าจะใช้จนหมดเป็นล้าน แต่พอทวงถามก็ถูกข่มขู่ว่า หากจะฟ้องเรื่องเงินประกันนี้ ต้องหาทนายดีๆ มาสู้กับเขา เรายากจน ไม่รู้หนังสือ ก็จนปัญญาที่จะสู้กับเขาได้ หรือหากเอาเงินไปสู้กับเรื่องนี้แล้ว ทุกคนที่บ้านจะเอาอะไรกิน” นางจำกัด กล่าว

ทั้งนี้ นางกำจัด ได้กล่าวทิ้งท้ายถึงคนที่นำเงินของลูกสาวไปใช้อีกด้วยว่า ถ้าเป็นเงินของเขา เราก็กินไม่ลง เงินคนพิการกินลง กลืนลง จริงๆ เหรอ.