นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการและองค์การมหาชนในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ครั้งที่ 2/2567 ที่ วธ. โดยได้แจ้งที่ประชุมเกี่ยวกับนโยบายและข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องกับ วธ. ซึ่งในเรื่องของงานพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 22 ก.พ.-19 มี.ค. 2567 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อให้พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศได้สักการบูชา โดยส่วนกลางอัญเชิญประดิษฐานบนมณฑป ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 24 ก.พ.-3 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งกรมการศาสนา (ศน.) รายงานต่อที่ประชุมถึงจำนวนผู้เข้าสักการบูชาทั้งหมดกว่า 1 ล้านคน และมีเสียงชื่นชมเป็นจำนวนมากจากหลายฝ่ายมายังนายกรัฐมนตรีและตน หลังจากนั้น วธ.ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ไปประดิษฐานในส่วนภูมิภาค ที่หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ วันที่ 5-8 มี.ค. มียอดผู้เข้าสักการบูชาทั้งหมดกว่า 250,000 คน และขณะนี้อัญเชิญไปประดิษฐาน ณ วัดมหาวนาราม จ.อุบลราชธานี วันที่ 10-13 มี.ค. ก่อนจะอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดมหาธาตุวชิรมงคล จ.กระบี่ ระหว่างวันที่ 15-18 มี.ค.

รมว.วธ. กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันได้กำชับให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้ วธ.โดยสวธ.เร่งรวบรวมข้อมูลเรื่องของชุดไทยพระราชนิยม เพื่อเสนอขึ้นทะเบียนรายการตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ให้ทันภายในเดือนมี.ค. นอกจากนี้ ได้แจ้งเรื่องที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีร่วมกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว “เที่ยวใต้สุดใจ” ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เมื่อวันที่ 27-29 ก.พ. ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีของดีซ่อนอยู่มากมายและมีความหลากหลายของวัฒนธรรม ความสงบสุขของภาคใต้จะเกิดขึ้นได้เมื่อมีเศรษฐกิจที่ดี พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้คัมภีร์อัลกุรอานที่ จ.นราธิวาส โดยนายกรัฐมนตรีประทับใจมากในการไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามฯ และสนใจเรื่องการซ่อมแซมคัมภีร์อัลกุรอานโบราณ ปัจจุบันมีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้น้อยมาก จึงมอบหมาย วธ.โดยกรมศิลปากรให้ส่งเสริมด้านการซ่อมแซมคัมภีร์โบราณ รวมถึงให้ วธ.สนับสนุนพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามฯ เป็นแหล่งเรียนรู้ศาสนาอิสลามของประเทศไทยและส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นแหล่งซ่อมแซมคัมภีร์โบราณของโลกด้วย