เมื่อ 13 มี.ค. ที่ห้องอัมรินทร์ ศาลาว่าการ กทม. เสาชิงช้า เขตพระนคร นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วย นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม. รับฟังการนำเสนอรายงานผลการตรวจสอบข้อมูลโครงการ ความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (Infrastructure Transparency Initiative : CoST) ระดับจังหวัด นำร่องระยะที่ 2 

สำหรับโครงการนี้ เป็นโครงการที่ริเริ่มโดย Department for International Development ของประเทศอังกฤษ เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ปัจจุบันมีสมาชิก 19 ประเทศ สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ได้เล็งเห็นความสำคัญของการดำเนินงานโครงการ CoST ของประเทศไทย จึงได้สนับสนุนงบประมาณผ่านโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) เพื่อจัดทำโครงการส่งเสริมการดำเนินงานโครงการ CoST ระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพื่อส่งเสริมความโปร่งใสและสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในโครงการก่อสร้างของหน่วยงานภาครัฐ และคณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต (ค.ป.ท.) ได้คัดเลือก กรุงเทพมหานคร จ.สกลนคร และ จ.สุพรรณบุรี เป็นจังหวัดนำร่อง


โดยโครงการส่งเสริมการดำเนินงาน โครงการ CoST ในระดับจังหวัด “กรุงเทพมหานคร” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ด้านการเปิดเผยข้อมูล มีโครงการที่เข้าร่วม 25 โครงการ ปัจจุบันมีโครงการที่เปิดเผยข้อมูลแล้วทั้งสิ้น 22 โครงการ และมีโครงการที่ยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลบนระบบ CoST จำนวน 3 โครงการ โดยมีการเปิดเผยข้อมูลอยู่ที่ร้อยละ 93.66 เมื่อเปรียบเทียบการเปิดเผยข้อมูลโครงการ CoST ของกรุงเทพมหานคร พบว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มีการเปิดเผยข้อมูลเฉลี่ยเป็นลำดับที่ 20 จากเดิมในปีงบประมาณ พ.ศ. 2665 มีการเปิดเผยข้อมูลเฉลี่ยอยู่ในลำดับที่ 75


ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า ความโปร่งใสเป็นเรื่องสำคัญลำดับต้น ๆ ของนโยบาย เพราะเป็นการสร้างความไว้วางใจให้กับประชาชนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่ง CoST เป็นโครงการระดับนานาชาติที่มีหลายหน่วยงานร่วมมือกัน ทั้งกรมบัญชีกลาง องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน สถานทูตอังกฤษ และ UNDP เป็นการเปิดเผยข้อมูลในกระบวนการก่อสร้าง การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูล กรุงเทพมหานครมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่โดยในปีต่อไปจะเพิ่มโครงการที่เข้าร่วมกว่า 50 โครงการ ซึ่งเราตั้งเป้าหมายเป็นจังหวัดที่มีการเปิดเผยข้อมูลอยู่ในลำดับเลขตัวเดียวให้ได้ และเราจะจริงจังเรื่องความโปร่งใสในทุกมิติและให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบร่วมกัน


“หัวใจหลักคือ Traffy Fondue ที่ผ่านมาประชาชนแจ้งเรื่องร้องเรียนมากว่า 500,000 เรื่อง ดังนั้นหากมีเรื่องใดที่อยากให้ กทม. ปรับปรุงหรือพบความไม่โปร่งใสต่างๆ สามารถแจ้งเข้ามาได้ เราจะมีการติดตามและนำข้อมูลไปปฏิบัติอย่างใกล้ชิด หากเป็นงานก่อสร้างในพื้นที่ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้างานได้ ต่อไปจะพัฒนาเป็น QR Code ที่จะให้ข้อมูลประชาชน ดังนั้นทุกอย่างมาจากภาษีประชาชน เรามาทำงานเพื่อรับใช้ประชาชน ทุกอย่างเราต้องช่วยกันดูแลเพื่อทำให้เมืองนี้ดีขึ้น” ผู้ว่าฯ กทม. กล่าว


ด้าน นางภัทรพร วรทรัพย์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง กรมบัญชีกลาง กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับกรุงเทพมหานครที่สามารถนำโครงการที่เข้าร่วมโครงการ CoST ขยับอันดับจากปี 65 ได้อันดับที่ 75 เมื่อนำร่องในโครงการ CoST โดยในปี 66 เลื่อนขึ้นมาสู่อันดับที่ 20 ขอให้ดำเนินการโครงการนี้ต่อไป เพื่อสร้างความโปร่งใสให้กับประชาชนซึ่งเป็นผู้เสียภาษี.