เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ยังวิกฤติต่อเนื่อง โดยพบว่าขณะนี้เกิดน้ำชีหลากหนุนสูงเข้ามาท่วมในอีกหลายพื้นที่ ล่าสุดในพื้นที่ตัวอำเภอเมืองชัยภูมิ และโซนเศรษฐกิจเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิถูกน้ำท่วมทั้งหมด เส้นทางสัญจรตามถนนหลักต่างๆ มีระดับน้ำท่วมสูง รถทุกชนิดไม่สามารถเข้าถึงตัวเมืองชัยภูมิได้เกือบทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะเส้นทางสายทางหลวงหมายเลข 201 สีคิ้ว-ชัยภูมิ และเส้นทางหลวงสายชัยภูมิ-นครสวรรค์ ที่จะเชื่อมเป็นเส้นทางให้ประชาชนเดินทางมาจากพื้นที่กรุงเทพฯ กว้าง เป็นระยะทางยาวกว่า2 กม. และถนนสาย จ.ชัยภูมิ ไป จ.นครสวรรค์ ที่เป็นเส้นทางสายหลักประตูสู่อีสานผ่านตัวเมืองชัยภูมิ ยังมีน้ำท่วมสูงและไหลเชี่ยวแรงและที่สะพานข้ามแม่น้ำชี จุดบ้านโนนเปลือย อำเภอบ้านเขว้า ถูกน้ำพัดถนนเป็นรูโพรงกว้าง เป็นระยะทางยาวกว่า 2 กม. ทำให้ไม่สามารถใช้เส้นทางนี้ผ่านเข้าสู่ตัวเมืองชัยภูมิ เหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอกไม่สามารถขนส่งพืชผัก เนื้อสัตว์ เครื่องอุปโภคบริโภคปัจใจในการดำรงชีพ ทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคหายากและมีราคาแพงขึ้นด้วย ล่าสุดที่บนบนถนนสาย 201 ชัยภูมิ-สีคิ้ว บริเวณหน้าปากทางเข้าหมู่บ้านห้วยหลัว ต.หนองนาแซง อ.เมืองชัยภูมิ ที่ยังคงมีน้ำท่วมขังกว่า 1 เมตร มีชาวบ้านหลายรายติดอยู่ภายในบ้านพัก

ซึ่งล่าสุดทางด้านแขวงทางหลวงชนบทชัยภูมิ โดยนายวิชัย พลอยกลม ผอ.ขทช.ชัยภูมิ แจงสรุปข้อมูลถนนสายทางในโครงข่ายทางหลวงชนบทในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ที่ประสบอุทกภัยเนื่องจากอิทธิพลพายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” ประจำวันวันที่ 28 ก.ย. 64 มีจำนวนทั้งสิ้นแล้ว 55 สายทาง ประสบอุทกภัยแล้ว จำนวน 20 สายทาง สัญจรได้ จำนวน 13 สายทาง สัญจรไม่ได้ จำนวน 7 สายทาง เพราะเกิดน้ำท่วมขัง และโครงสร้างทางชำรุดจำนวน 5 สายทาง สะพานชำรุดจำนวน 2 สายทาง

โดยแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ประชาชนต้องได้รับความเดือดร้อนจำนวนมากที่ไม่สามารถผ่านเข้าออกจังหวัดชัยภูมิได้ในขณะนี้ โดยมีแนวทาง 1.ได้บูรณาการกับหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ช่วยตรวจตรา เฝ้าระวังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพื่อช่วยแหลือ อำนวยความสะดวกประชาชนในพื้นที่ไว้ประจำแต่ละจุดที่เสี่ยงอันตรายเกิดน้ำหลาก 2.ได้ติดตั้งป้ายแนะนำทางเลี่ยง ป้ายเตือน ก่อนถึงตำแหน่งประสบเหตุ และ ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยที่ตำแหน่งประสบเหตุทั้งสองฝั่งเพื่ออำนวยความปลอดภัยแก่ประชาชนและผู้สัญจรบนเส้นทาง 3.กรณีสะพานชำรุด คอสะพานขาด เพื่อไม่ให้เส้นทางถูกตัดขาด ได้ขอรับการสนับสนุนจากสำนักงานทางหลวงชนบทที่ 5 (นครราชสีมา) เพื่อพิจารณาติดตั้งสะพานเหล็กชั่วคราว (Baily Bridge) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

4.จัดชุดเคลื่อนที่เร็วออกตรวจตรา เฝ้าระวัง ตลอด 24 ชั่วโมง และรายงานให้ทราบเป็นระยะจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายน้ำลด 5.จัดชุดอำนวยความสะดวกทั้งในส่วนของแขวงทางหลวงชนบท และ หมวดบำรุงทางหลวงชนบทออก บริการ ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 6.ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์และบูรณาการกับหน่วยงานจังหวัดที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนเพื่อสนับสนุนช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อน และ 7.เมื่อสถานการณ์ลดความรุนแรงลง จะรีบสำรวจรายละเอียดความเสียหาย เพื่อเป็นข้อมูลในการดำเนินการซ่อมฟื้นฟูสภาพหรือแก้ไขปัญหาระยาวตามลักษณะความเสียหายได้โดยเร็วต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ ผบก.รน. จัดกำลังชุดปฏิบัติการรุดเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เข้าปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ และ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.จักรพันธุ์ รัตนเทวมาตย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินเรือ (สบ5) บก.รน. เป็นผู้อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ส่วนหน้ามาจากลังพลจาก ตำรวจน้ำทั่วประเทศ อาทิ สมุทรปราการ อยุธยา ชลบุรี สมุทรสาคร มุกดาหาร นครพนม โดยแบ่งชุดปฏิบัติการฯ ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย จำนวน 5 ชุด พ.ต.ท.สิงหา ควรบำรุง รอง ผกก. 10 บก.รน. แบ่งชุดปฏิบัติการฯ ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย จำนวน 5 ชุด ให้ พ.ต.ท.สิงหา ควรบำรุง รอง ผกก. 10 บก.รน. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจน้ำทั่วประเทศ อาทิ สมุทรปราการ อยุธยา ชลบุรี สมุทรสาคร มุกดาหาร นครพนม นำเรือยางเครื่องยนต์ติดท้าย 2 ลำ เรือท้องแบนเครื่องยนต์ติดท้าย 4 ลำ รถกระบะ 9 คัน รถหกล้อ 1 คัน รถกระยกสูง 1 คัน รุดเข้าช่วยเหลือเกษตรกรประชาชน บนถนนสายชัยภูมิ-สีคิ้ว

โดย บก.รน. ได้นำถุงยังชีพ 300 ชุด ไปแจกผู้ประสบภัยในพื้นที่ ต.หนองนาแซง จำนวน 10 หมู่บ้าน จุดหลักๆ ที่กำการผู้ใหญ่บ้าน ด้วยการล่องเรือ 4 ลำไปตามถนนสาย 201 ชัยภูมิ-สีคิ้ว แล้ว ลัดเลาะเข้าไปยังหมู่บ้านต่างๆ เมื่อชาวบ้านได้ยินเสียงประกาศ ต่างชะโงกหน้าออกมาทางหน้าต่างชั้นสองของบ้าน บ้างก็ยืนสังเกตการณ์อยู่บนบ้านพักชั้น 2 ขณะที่ผู้ประสบภัยบางส่วนที่ติดอยู่บนบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะนำถุงยังชีพพายเรือเข้าไปเทียบบันไดบ้านพร้อมมอบถุงยังชีพของสภากาชาดไทยพร้อมข้าวกล้องน้ำดื่มยารักษาโรคให้

นอกจากจะมาทำหน้าที่คอยแจกถุงยังชีพแล้ว ตำรวจน้ำและเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ ยังคอยหาข่าว “แก๊งแมวน้ำ” ที่ออกอาละวาดโจรกรรมพืชผลทางการเกษตรและข้าวของมีค่าของเกษตรกรประชาชนผู้ประสบภัย นอกนั้นยังได้สอบถามสารทุกข์สุกดิบของผู้ประสบภัยตลอดเส้นทาง เนื่องจากตำรวจน้ำกับตำรวจท้องที่ต้องออกตรวจร่วมกันอีกด้วย

ด้าน พ.ต.อ.จักรพันธุ์ รัตนเทวมาตย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินเรือ (สบ5) กองบังคับการตำรวจน้ำ ได้กล่าวแนะนำกับชาวบ้านว่า หากพบเจอบุคคลต้องสงสัยก็ขอให้จดจำตำหนิรูปพรรณของผู้ต้องสงสัยไว้ แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ เข้ามาตรวจจับปราบปราม “แก๊งแมวน้ำ” ที่ออกอาละวาดหนักซ้ำเติมผู้ประสบภัย รวมทั้งวางแผนจัดการคนร้ายที่มาขโมยของ รวมทั้งวิเคราะห์เส้นทางหนี ทางตำรวจน้ำเองก็จัดชุดตรวจการณ์ความปลอดภัยพิเศษยามวิกาลเพิ่มเติมด้วย.