เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งเป็นหญิงสาวหน้าตาดี ได้โพสต์ภาพตัวเองในลักษณะถ่ายรูปวาบหวิวและจงใจจะให้เห็นภาพพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 1 ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พร้อมกับเขียนข้อความว่า ”โปรดมาเที่ยวเมืองของฉัน” หลังจากโพสต์ได้ไม่นาน ได้มีชาวเน็ตเข้าไปต่อว่าพร้อมแสดงความคิดเห็นตำหนิถึงการกระทำดังกล่าวเป็นจำนวนมาก รวมถึงมีการขุดคุ้ยประวัติหญิงคนดังกล่าว จนลามไปถึงครอบครัวทำให้ได้รับความเดือดร้อน

ต่อมาหญิงสาวได้โพสต์ภาพตัวเองนั่งกราบพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.1 พร้อมเขียนข้อความว่า ”พิมขอโทษ คนบุรีรัมย์ กับการกระทำครั้งนี้ ที่ทำให้ทุกคนไม่สบายใจ ขอโทษที่มองข้ามความรู้สึกแรงศรัทธาของทุกคนที่รู้สึกไม่ดีกับการกระทำของพิมในครั้ง พิมนี้อยากขอโทษพี่น้องชาวบุรีรัมย์และทุกคนที่มีแรงศรัทธา พิมไม่ได้มีเจตนาเหยียดหยามหรือด้อยค่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์

พิมเพียงแต่รู้สึกว่าสถานที่นี้ สวยงามและเป็นเสมือนแลนด์มาร์คประจำจังหวัดบุรีรัมย์ตัว พิมเองพอมีผู้ติดตามอยู่บ้าง จึงมีเพียงเจตนาเดียวคืออยากให้ ทุกคนรู้สึกจังหวัดเรามากยิ่งขึ้น และมาเที่ยวจังหวัดเรามากขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่พิมกล่าวมาอาจดูเห็นแก่ตัว แต่พิมรู้สึกผิดที่สุดจากใจ ขอโทษหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และพิมจะเก็บบทเรียนในครั้งนี้ เป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต ขอโทษคนที่ติดตามแล้วทำให้ผิดหวัง ขอโทษจริงๆ รู้สึกผิด”

ขณะที่ นพ.สนธยา วัฒนโกศล เจ้าของคลินิกหมอสนธยา หมอชื่อดังที่รักษาฟรีในวันสำคัญของของราชวงศ์และสมาชิก ”ชมรมรัก ร.1” ได้ออกมาเปิดเผยว่า เห็นภาพแล้วรู้สึกไม่สบายใจ เพราะเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เด็กอาจจะไม่รู้ว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นผู้ก่อตั้งเมืองบุรีรัมย์เป็นครั้งแรกที่ชื่อว่า ”เมืองแป๊ะ” ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นเมืองบุรีรัมย์จนถึงปัจจุบัน แต่ถ้ามาขอโทษคนบุรีรัมย์ และมากราบขอขมาพระบรมราชานุสาวรีย์ก็พอให้อภัยได้ แต่ไม่อยากจะให้เกิดขึ้นอีกโดยใช้คำว่า ”รู้เท่าไม่ถึงการณ์” สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทุกแห่ง คนไทยด้วยกันรู้ดี ดังนั้นจะสมควรหรือไม่ขึ้นอยู่จิตสำนึกของแต่ละคน

ด้านนางอรทัย พลาพล อายุ 59 ปี ผู้ดูแลสถานที่ พระบรมราชานุสาวรีย์ ร.1 กล่าวว่า เหตุภาพแล้วรู้สึกไม่สบายใจ เพราะสถานที่แห่งนี้มีทั้งชาวจังหวัดบุรีรัมย์และชาวต่างจังหวัด นักกีฬาชื่อดัง และนักฟุตบอลของทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มาบวงสรวงและกราบไหว้เป็นประจำ การขอโทษผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอ ที่จริงแล้วจะต้องมาทำพิธีขอโทษ และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบด้วยจึงเหมาะสม.