เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า ไม่ได้ให้ผู้ใต้บังคับการบัญชาที่เป็นนายตำรวจระดับผู้กำกับการโทรศัพท์ไปขอข้อมูลกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เกี่ยวกับเส้นทางการเงินที่เกี่ยวพันกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ก่อนที่ทนายตั้ม จะมีการตั้งโต๊ะแถลงเปิดโปงข้อมูลเส้นทางการเงินของส่วยต่างๆ รวมถึงเว็บพนันออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับนายตำรวจใหญ่ ส่วนข้อมูลที่ทนายตั้ม นำออกมาแฉก็จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนจะนำไปมอบให้บุคคลใดก็สามารถทำได้

รวมทั้ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เพราะใครทำอะไรพูดอะไรก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง หากไปกระทบสิทธิบุคคลที่สามบุคคลนั้นก็สามารถใช้สิทธิตามกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างบุคคล ส่วนตัวผมยังไม่ทราบรายละเอียด แต่การกล่าวหาองค์กร ท่านพูดอะไรก็ต้องรับผิดชอบ และอีกอย่างยังไม่รู้ว่าเป็นจริงหรือไม่ เชื่อว่าทาง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกพาดพิง ก็คงจะใช้สิทธิของท่าน ย้ำว่าตนเองไม่ได้โทรศัพท์ให้ใครโทรฯไปหาทนายตั้ม ไม่ใช่ตนเองและไม่เคยใช้ใคร ตนเองก้มหน้าก้มตาทำงาน ส่วนข้อมูลที่ทนายตั้มเปิดเผยไม่เคยได้ยินมาก่อน รวมทั้งเรื่องเมืองทองธานี ไม่เคยยุ่งเรื่องส่วนตัวใคร ส่วนการกล่าวหา 3 องค์กรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากได้รับรายงานก็จะให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบ ซึ่งการกล่าวอ้าง หากไม่มีหลักฐานก็ให้ฝ่ายกฎหมายเสนอและพิจารณาดำเนินคดีไปตามขั้นตอน ย้ำใครพูดอะไรก็ต้องรับผิดชอบ

ผู้สื่อข่าวถามว่าดูแล้วเรื่องขัดแย้งครั้งนี้ 2 ฝ่าย ยังไม่ยอมจบ โดยมีการส่งลูกน้องหรือคนใกล้ชิดออกมาโต้แย้งกันนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ผมทำงานเพื่อประชาชน จับกุมคดีที่ผิดกฎหมาย ส่วนความขัดแย้งของใครก็ว่ากันไป ตนเองในฐานะรักษาการ ผบ.ตร. ขอทำงานดีกว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ขอให้ประชาชนช่วยในเรื่องการทำงาน คอยเป็นหูเป็นตา หากพบใครทำผิดก็สามารถแจ้งเข้ามาได้ ย้ำว่าความขัดแย้งของใครก็ว่าไปตามหลักฐาน ไม่แทรกแซงแน่นอน ยืนยันไม่ลอยตัว ตัวใหญ่ขนาดนี้และไม่หนีปัญหา ตราบใดที่ยังเป็นรักษาการ ผบ.ตร. และมีบทบาทหน้าที่ตามคำสั่งนายกฯ ก็จะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไม่หนีปัญหาแน่นอน ส่วนภาพลักษณ์ของ ตร. ที่ประชาชนไม่ให้ความศรัทธานั้นมองว่า เป็นมุมมองของแต่ละคน อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันเพื่อให้องค์กรเดินไปข้างหน้าได้ ส่วนตัวก็จะพัฒนาด้วยเช่นกัน

รรท.ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า การที่ทนายตั้มจะมอบหลักฐานให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งจำเป็นต้องเปลี่ยนพนักงานสอบสวนหรือไม่ ต้องรอดูและตรวจสอบความชัดเจนก่อน หากจะนำมายื่นให้ตนเองมองว่า ตร.มีหน่วยงานรับเรื่องราวร้องทุกข์อยู่แล้ว มีขั้นตอนกระบวนการตรวจสอบรับเรื่อง หากมีคนมาร้องเรียนไม่ว่าใครก็ยินดีน้อมรับและให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณา ส่วนจะให้น้ำหนักข้อมูลที่ทนายตั้ม ออกมาแฉหรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ยืนยันไม่กังวลใจ.