นายสมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ กรรมการ กสทช. เปิดเผยว่า ที่ประชุม กสทช. เมื่อวันที่ 27 มี.ค. ได้ลงมติเห็นชอบให้นำ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม ณ ตำแหน่งวงโคจร 50.5, 51  องศาตะวันออก (อี) และ 142 อี ในลักษณะจัดชุด ไปรับฟังความคิดเห็นเฉพาะกลุ่ม (โฟกัส กรุ๊ป) สำหรับราคาเริ่มต้นการประมูลครั้งนี้ ได้มีการปรับลดราคาโดยวงโคจร 50.5, 51 องศาตะวันออก จากเดิม ราคา 374 ล้านบาท เหลือ 41 ล้านบาท และวงโคจร 142 องศาตะวันออก ราคา 189 ล้านบาท เหลือ 23 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีประเด็นการจ่ายค่าปรับ กรณีผู้ชนะประมูลได้สิทธิวงโคจรไปแล้วไม่สามารถนำไป ประกอบธุรกิจได้นั้น จะโดนปรับตามราคาเริ่มต้นประมูลเท่ากับราคาครั้งที่ผ่านมาคือ วงโคจร 50.5, 51 องศาตะวันออก ราคา 374 ล้านบาท และ วงโคจร 142 องศาตะวันออก ราคา 189 ล้านบาท

“ร่าง ประกาศ กสทช.ฯ ใหม่นี้ได้ตัดค่าโอกาสทางการทำธุรกิจออกไป เนื่องจากวงโคจรตำแหน่งดังกล่าว อยู่ต่างประเทศ ผู้ที่ประมูลได้ต้องทำธุรกิจแข่งกับต่างประเทศ ขณะที่ภาพรวมของธุรกิจดาวเทียมอยู่ในขาลง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลักเกณฑ์การประมูลได้มีการปรับลดราคาเริ่มต้นการประมูลลง แต่ก็ได้เพิ่มเงื่อนไขผลตอบแทนให้กับรัฐ เป็น X% ของรายได้ต่อปีด้วย โดยมีขั้นต่ำเริ่มที่ 2.5% หากมีการเคาะราคาต่อครั้งก็จะต้องจ่ายเพิ่มขึ้นครั้งละ 0.25% ด้วย”

นายสมภพ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้ปรับเงื่อนไขการมีดาวเทียมเป็นของตนเอง จากเดิม 3 ปี เป็น 5 ปี เพื่อให้มีระยะเวลาในการดำเนินการที่ผ่อนคลายมากขึ้น เพราะพื้นที่ให้บริการของดาวเทียมในครั้งนี้อยู่ต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขในการนำคลื่นความถี่ขึ้นใช้งานกับดาวเทียมเพื่อรักษาสิทธิวงโคจรยังคงต้องดำเนินการให้เป็นไปตามข้อบังคับของ สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู) เช่นเดิม

อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะสามารถจัดประมูลได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยสำนักงาน กสทช. จะใช้เวลาในการรับฟังความคิดเห็น (โฟกัส กรุ๊ป) ประมาณ 7 วัน จากนั้นจะนำเสนอเข้าบอร์ด กสทช. เพื่อนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป  ซึ่งคาดว่าเงื่อนไขใหม่จะสามารถจูงใจผู้ประกอบการรายใหม่ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถรักษาสิทธิวงโคจรไว้ได้