เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา เปิดเผยว่า จากกรณี รองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบนครบาลร่วมกับศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.) บุกจับกุมที่บ้านพักในคดีที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดในพื้นที่ย่านรัตนาธิเบศร์ จังหวัดนนทบุรี ในช่วงเช้าของวันที่ 27 มีนาคม 2567 นั้น ในส่วนของการดำเนินการของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ได้ตรวจสอบข้อมูลด้านใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาของรองผู้อำนวยการรายดังกล่าว พบว่า เป็นผู้มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา แต่ในส่วนของใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ปัจจุบันใบอนุญาตหมดอายุแล้ว ขณะที่การดำเนินการด้านวินัยนั้น หน่วยงานต้นสังกัดได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว ซึ่งครบองค์ประกอบของการพักใช้ใบอนุญาตไว้ก่อน ตามข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบกับพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 แล้ว และจะเร่งนำเสนอคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพในการประชุมครั้งต่อไป เพื่อพิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ และพิจารณาพักใช้ใบอนุญาตทุกประเภทไว้ก่อน

เลขาธิการคุรุสภา กล่าวต่อไปว่า หลังพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาแล้ว คณะอนุกรรมการสอบสวนการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ จะดำเนินการสอบสวนการประพฤติผิดตามข้อบังคับคุรุสภา และหากมีความผิดจริง ก็จะเสนอคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ ให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทุกประเภทของรองผู้อำนวยการโรงเรียนคนดังกล่าวในลำดับต่อไป

“ขอกำชับไปยัง ผู้บริหารสถานศึกษา ครู และบุคลากรในสถานศึกษาทุกคน ต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นผู้เสพ ผู้ขาย หรือข้องเกี่ยวในด้านใดก็ตาม ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาทุกคนจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน และไม่ประพฤติตนไปในทางที่เสื่อมเสีย กรณีเรื่องดังกล่าวนั้น ถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเกิดขึ้น และเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างยิ่ง เพราะผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรในสถานศึกษาทุกคน จะต้องเป็นที่เคารพและศรัทธาของลูกศิษย์และสังคม” เลขาธิการคุรุสภา กล่าว