จากกรณี นายณัฐพร อายุ 31 ปี ก่อเหตุใช้มีดพร้าฟันคอ นางจำปา อายุ 73 ปีมารดาตนเองจนศีรษะขาด และเดินหิ้วศีรษะ พร้อมกับใช้มีดพร้าเฉาะจนศีรษะแตกละเอียด 3-4 ชิ้น เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 115 ม.16 ต. ทุ่งหลวง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี หลังเกิดเหตุพลเมืองดีร่วมกับเจ้าหน้าที่จับกุมตัวนายณัฐพร ไว้ได้ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 1 กม. ในสภาพนิ่งเฉยและไม่ยอมพูดจา แต่มีอาการเอะอะโวยวายบางครั้ง แพทย์ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเวียงสระ ได้ทำการรักษาด้วยการให้ยานอนหลับ และการตรวจสอบในเบื้องต้นไม่พบสารเสพติดตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 30 มี.ค.พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เวียงสระ โดย พ.ต.อ.พ.ต.อ.ไพฑูรย์ กระจะจ่าง ผกก.สภ.เวียงสระ ได้เร่งสอบสวนปากคำพยานแวดล้อม ,ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมถึงแพทย์ผู้ทำการรักษา พบว่า สาเหตุมาจาก เมื่อเย็นของวันที่ 29 มี.ค. ผู้ก่อเหตุได้ไปเที่ยวงานวัดทุ่งหลวงและได้ดื่มสุรา จนมีอาการเมาจากนั้นได้กลับมาพักผ่อนบ้านที่เกิดเหตุ กระทั่งเช้าก่อนเกิดเหตุผู้ก่อเหตุได้ดุด่าหลานซึ่งเป็นลูกของพี่ชาย ทำให้ผู้ตายไม่พอใจเกิดมีปากเสียงทำให้ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดพร้าฟันทำร้ายตัดศีรษะผู้ตาย หลังเกิดเหตุได้นำศีรษะผู้ตายพาวิ่งหนีไปด้วยและจากการดำเนินการตรวจสอบ

ผลการตรวจสอบประวัติ ผู้ก่อเหตุไม่พบว่าเคยต้องคดีอาญาแต่อย่างใด ,ผลการตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะไม่พบสารเสพติดเมทแอมเฟตามีนและกัญชาแต่อย่างใด รวมถึงไม่อยู่ในบัญชีผู้ป่วยจิตเวชเฝ้าระวังของทาง สภ.เวียงสระแต่อย่างใด และจากการสอบสวนปากคำแพทย์ผู้ทำการรักษานายณัฐพร แพทย์ได้วินิจฉัยเบื้องต้นว่า ผู้ก่อเหตุมีอาการป่วยจิตเภท ประเภทอาการหลอน หูแว่ว กระวนกระวาย ซึ่งจำเป็นจะต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนอย่างไรก็ตามในส่วนของการดำเนินคดีนั้น พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาฆ่าบุพการี ตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป