เมื่อวันที่ 31 มี.ค. เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ที่กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.บช.น.) น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ ประธานกลุ่มเป็นหนึ่งพา นางวิภาดา (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช อาชีพรับเลี้ยงผู้ป่วยติดเตียง เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับ พ.ต.อ.ศานติ กรเกษม ผกก.ดส.บช.น. พ.ต.ท.ปียรัช เวสสะโกศล รอง ผกก.ดส. พ.ต.ท.จักรี นารีผล สว.กก.กส.บช.น. เพื่อให้ช่วยติดตาม ด.ญ.เอ บุตรสาววัย 7 ขวบ ที่ขาดการติดต่อจากการมอบให้ผู้อุปการะรับไปดูแลผ่านเฟซบุ๊ก

น.ส.ชลิดา กล่าวว่า สืบเนื่องจากวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางนางวิภาดา แม่เด็ก ได้ส่งเรื่องราวผ่านทางเพจเป็นหนึ่ง เพื่อขอความช่วยเหลือ ให้ช่วยติดตามบุตรสาววัย 7 ขวบ พร้อมกับเล่าเรื่องราว ว่า ตนเองมีฐานะยากจน ประกอบกับมีลูกสองคน และกำลังตั้งครรภ์หนึ่งคน ไม่มีเงินที่จะเลี้ยงลูก เลยคิดจะเอาลูกไปหาคนมาอุปการะเพื่อชีวิตลูกจะดีกว่า จึงเข้ากลุ่มปิดในเฟซบุ๊กที่ประกาศรับอุปการะเด็ก และได้รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อว่า พลอย ก่อนจะพูดคุยกันถึงเรื่องที่จะรับอุปการะลูกของตน

โดยที่เชื่อสนิทใจว่า น.ส.พลอย จะนำลูกตนไปเลี้ยงให้ดี ก่อนที่จะนำตัวไปส่งที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี หลังจากนั้นตนได้ทักไปถามไถ่ว่าลูกเป็นอย่างไรบ้าง แต่น.ส.พลอยบ่ายเบี่ยงไม่ให้พูดคุยไม่ให้วิดีโอคอล และบอกว่าลูกของตนมีพฤติกรรมไม่ดีเพราะขโมยของ ซึ่งตนก็ยืนยันว่าลูกไม่ใช่คนนิสัยแบบนั้น และก็แจ้งกับทางผู้ที่รับไปเลี้ยงว่าจะขอรับลูกกลับคืนได้ไหม ทาง น.ส.พลอย กลับบอกว่าถ้าอยากได้ลูกคืนก็ให้โอนเงินมาคืน 4,000 บาท เพราะวันที่ไปส่งลูก ทางฝ่ายคนรับเลี้ยงให้เงินมาบอกว่าเป็นสินน้ำใจและค่าเดินทาง 4,000 บาท ตนก็เลยบอกว่าจะคืนให้แน่นอน จะคืนให้พร้อมวันที่ไปรับลูก แต่ภายหลังไม่สามารถติดต่อได้เลยจนถึงทุกวันนี้ จึงมาขอให้กับทางมูลนิธิฯ ประสานเจ้าหน้าที่เพื่อทำการช่วยเหลือ

ต่อมา พ.ต.อ.ศานติ ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนทำการสอบปากคำในเบื้องต้น พร้อมบูรณาการกำลังกับฝ่ายสืบสวน สภ.คลองหลวง ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุ เพื่อทำการช่วยเหลือ ก่อนจะพบตัวของ น.ส.พชร หรือพลอย อายุ 21 ปี ชาวเมียนมา อาชีพรับเลี้ยงเด็ก โดยเจ้าตัวระบุว่าได้มีการพาเด็กไปฝากเลี้ยงไว้กับแม่ที่ย่านสุขสวัสดิ์ และไม่ได้มีเจตนาที่จะลักพาตัว ตามที่เข้าใจ

ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัว น.ส.พชร หรือ พลอย ไปยังบ้านที่ย่านสุขสวัสดิ์ ซึ่งเมื่อไปถึงก็พบ ด.ญ.เอ วัย 7 ขวบ อยู่ใน บ้านที่เป็นลักษณะห้องเช่า อยู่รวมกับเด็กอีกหนึ่งคน ก่อนนำตัวนางวิภาดา และลูกสาว รวมทั้ง น.ส.พลอย เพื่อมาสอบสวนที่ กก.ดส. พร้อมประสานเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มาร่วมสอบปากคำ

ด้าน นางวิภาดา แม่เด็ก เล่าว่า ตนมีลูกสองคน คนโตเป็นลูกสาวอายุ 7 ขวบ คนเล็กเป็นลูกชายอายุ 3 ขวบ แต่ด้วยความที่ฐานะยากจนไม่มีเงินที่จะเลี้ยงลูก จึงไปหาคนอุปการะผ่านทางเฟซบุ๊ก จนรู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อว่า นางสาวพชร  อายุ 21 ปี หรือนางสาวพลอย จึงมีการพูดคุยกันเรื่องรับอุปการะลูกของตน และได้นัดหมายให้มีการส่งเด็กในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยนางสาวพลอยเป็นผู้แชร์โลเคชั่นมาให้ จากนั้นตนได้เดินทางจากจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมกับลูกสาว พอมาถึงจุดนัดพบซึ่งเป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี แต่ไม่สามารถเข้าไปในบ้านได้ ให้ปล่อยลูกของตนไว้ตรงนั้น เดี๋ยวออกไปรับเอง

ต่อมานางวิภาดา ได้มีการถามไถ่ความเป็นอยู่ของลูกสาวตนเอง แต่อีกฝั่งมักจะบ่ายเบี่ยงไม่ให้มีการพูดคุยหรือวิดีโอคอลเห็นหน้ากัน อีกทั้งยังบอกอีกว่าลูกสาวของตนมีพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อยอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งตนก็ยืนยันว่าลูกไม่ใช่คนนิสัยแบบนั้น พร้อมกับจะขอลูกคืน ซึ่งนางสาวพลอยก็บอกว่าถ้าอยากได้ลูกคืนก็ให้โอนเงินมา 4,000 บาท เพราะวันที่ไปส่งลูกนางสาวพลอยก็เป็นคนให้เงินมา 4,000 บาทเช่นเดียวกัน หลังจากพูดคุยกันเสร็จปรากฏว่า นางวิภาดาไม่สามารถติดต่อนางสาวพลอยได้อีกเลย จึงประสานไปหาเพจกลุ่มเป็นหนึ่งเพื่อเข้าช่วยเหลือ

ขณะที่ นางสาวชลิดา  กล่าวต่อว่า มีข้อมูลที่ค่อนข้างย้อนแย้งกับสิ่งที่นางวิภาดาเล่า โดยนางวิภาดามีพฤติกรรมที่หาผู้รับอุปการะเลี้ยงดูลูกสาวอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งในครั้งนี้มีการตกลงว่าจะจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท แต่ทางนางสาวพลอยจะขอจ่าย 4,000 บาทก่อนพร้อมกับดูพฤติกรรมถ้าหากดีก็จะจ่ายส่วนที่เหลือให้ภายหลัง แต่ทว่านางวิภาดา ต้องการเงินที่เหลือจึงได้มีการพยายามทวงเร่งรัดอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งในขณะที่ลูกสาวของนางวิภาดา อยู่ในการดูแลของนางสาวพลอย นางวิภาดาก็ยังมีการประกาศหาผู้รับอุปการะลูกสาวของตนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้นอ้อยืนยันว่า เคสนี้จะมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือเด็ก โดยหลังจากนี้จะให้เด็กอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม.

ทั้งนี้ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง ขอฝากไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ช่วยตรวจสอบ กรณีกลุ่มปิดตามโซเชียล ที่มีลักษณะซื้อขายเด็ก หรือรับอุปการะต่างๆ ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก และเชื่อว่าคนที่ไม่พร้อมจะมีลูกมีเยอะ ซึ่งสามารถปรึกษาหน่วยงานรัฐผ่านสายด่วน พม. โทร. 1300 เพื่อช่วยหาทางออก ไม่ใช่การนำลูกมาขายแบบนี้ด้วย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างทำการสอบปากคำ น.ส.พชร หรือพลอย อย่างละเอียดเพื่อขยายผล ว่าจะเข้าข่ายความผิดข้อใดบ้าง และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป