เมื่อวันที่ 4 เม.ย. นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า จากกรณีรองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบนครบาลร่วมกับศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.) บุกจับกุมที่บ้านพักในคดีที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดในพื้นที่ย่านรัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ในช่วงเช้าของวันที่ 27 มีนาคม 2567 และขณะนี้อยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต 2 ต้นสังกัดฯ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง และสั่งให้ข้าราชการรายดังกล่าวออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว เพื่อทำการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น นั้น

ในประเด็นดังกล่าว ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. ได้มอบหมายให้ตนพร้อมด้วยทีมศูนย์บริหารความสุขและความปลอดภัย สพฐ. (ศสป.สพฐ.) ดำเนินการติดตามความคืบหน้าของกรณีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยความคืบหน้าล่าสุดพบว่า คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงกำลังดำเนินการตามกระบวนการอย่างเร่งด่วน และติดตามการขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกทางหนึ่ง เพื่อนำข้อเท็จจริงเข้าสู่การตรวจสอบในเชิงลึก ซึ่งในส่วนของผู้ต้องหานั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายผลของสถานีตำรวจภูธรรัตนาธิเบศร์ จังหวัดนนทบุรี และทางคณะกรรมการฯ กำลังรอผลคดีจากพนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจภูธรรัตนาธิเบศร์ เพื่อประกอบการดำเนินการทางวินัยต่อไป

นอกจากนี้ ได้มีการประชุมครูและบุคลากร รวมถึงผู้เกี่ยวข้องของโรงเรียนดังกล่าว เพื่อทำความเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีการตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดกับครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนดังกล่าว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน และสังคมภายนอกว่า โรงเรียนมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งจากการตรวจปัสสาวะผลปรากฏไม่พบผู้ใช้สารเสพติดแต่อย่างใด ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำมิให้ครูและบุคลากรเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และกำชับให้ครูให้ความรู้เกี่ยวกับโทษภัยของยาเสพติด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่นักเรียน และทำการเฝ้าระวัง ดูแลสอดส่องนักเรียนในสังกัดมิให้ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย

“ในเรื่องของคดีความนั้น พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ และเลขาธิการ กพฐ. ได้สั่งการให้ติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมทั้งดำเนินการขั้นเด็ดขาด เพราะประเด็นเรื่องการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในสถานศึกษาเป็นนโยบายที่กระทรวงศึกษาธิการและ สพฐ. ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ พร้อมกันนี้ ได้กำชับและเน้นย้ำให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาดำเนินการสอดส่อง ดูแล กำชับ และติดตามการดำเนินงานของสถานศึกษาในสังกัดอย่างใกล้ชิด ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเข้มข้นทั้งภายในและบริเวณรอบสถานศึกษา ตามมาตรการสถานศึกษาปลอดภัย และมาตรการคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน โดยที่ผ่านมาได้เน้นย้ำและกำกับสถานศึกษามาโดยตลอดว่าจะต้องเป็นสถานที่ปลอดภัยจากสารเสพติดทุกชนิด รวมถึงผู้บริหาร ครูและบุคลากรในโรงเรียนด้วย จะต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติดไม่ว่าประเภทใดก็ตาม เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน หากพบผู้กระทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การขับเคลื่อนการป้องกันปัญหายาเสพติดอย่างรอบด้านครบทุกมิติ ให้สถานศึกษาปลอดภัย “เรียนดี มีความสุข” เกิดขึ้นได้จริง” รองเลขาธิการกพฐ. กล่าว