เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 5 เม.ย.ที่กระทรวงกลาโหม นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีการประชุมสภาฯเพื่ออภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 มีการพูดถึงเรือดำน้ำ และเรือฟริเกต ว่าไม่ได้ดุเดือดหรือรุนแรงเขาไม่ได้รู้จริงเท่าไหร่ เหมือนกับคลำหา ไม่ว่าจะเป็นเรือฟริเกตหรือเรือดำน้ำก็คลำหา
เมื่อถามถึงเรื่องเรือฟริเกตที่มองว่ารัฐมนตรีไปตัดงบทำไม ทั้งที่พรรคก้าวไกลอุตส่าห์เชียร์ นายสุทินกล่าวว่า เป็นเหลี่ยมทางการเมืองของฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นอย่างนี้ตลอด ถ้าเราไปขาวเขาก็ไปดำ ถ้าเราไปดำเขาก็ไปขาว ถ้าเราให้ข้อมูลไปก็ยังมีมุมมาว่าเราอีก เพราะฉะนั้นไม่ชกตามเสียงเชียร์ แต่ชกไปตามแผนของเรา
เมื่อถามต่อว่างบจัดซื้อเรือฟริเกตไม่อยู่ในแผนงบปี 68 ใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ยังไม่สรุปว่าไม่เข้า อาจจะนำเข้าก็ได้ ขอรอดูการพูดคุยเรื่องเรือดำน้ำก่อน ซึ่งมันเชื่อมโยงกันอยู่ หมายความว่าเกี่ยวกับการใช้งบที่มีความสัมพันธ์กัน ต้องดูก่อนว่าเรือดำน้ำจบอย่างไร ก็จะมีผลต่อการจัดหาเรือฟริเกตในปี 68 เพราะถ้าให้งบมาซ้อนกันงบจะโป่งพอง ทั้งนี้ไม่ว่าจะเปลี่ยนเรือดำน้ำเป็นเรือฟริเกต มันก็จะทำให้งบโป่งพอง ซึ่งต้องดูว่าการพูดคุยจบได้ปีละ 1 ลำ หรือถ้าเรือมาเร็ว ก็จะทำให้งบซ้อนกัน ทั้งนี้ ตนพยายามจะเร่งอยากจะให้จบภายในเดือนเม.ย.นี้ หรือถ้าจบเร็วกว่านี้ก็ดี พอมีสัญญาณงบประมาณ ปี 68 ก็น่าจะเดินได้
นายสุทิน ยังกล่าวถึงการพูดคุยกับนายกฯ เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ได้คุยกับนายกฯ หลายเรื่อง รวมถึงเรื่องทั่วไปด้วย การพูดคุยก็ไม่ได้ถึงกับนานมาก เพราะได้รายงานให้นายกฯรับทราบเป็นระยะอยู่แล้ว
เมื่อถามต่อถึงกรณีที่ฝ่ายค้านอภิปรายว่ามีคนในรัฐบาลโทรศัพท์ไปหากองทัพเรือจ้องตบทรัพย์เรื่องเรือฟริเกตนั้น นายสุทิน กล่าวว่า เสียดายตนฟังตรงนี้ไม่ทัน ไม่รู้ว่าเขาพูดว่าอย่างไร ถ้าโทรศัพท์ไปจริงคงไม่ใช่เรื่องตบทรัพย์อาจเป็นเรื่องการให้กำลังใจ ขอให้ใจเย็นๆ ได้อยู่หรอก (หมายถึง ได้เรือแน่) ส่วนมีตัวแทนนายหน้าผู้ค้าอาวุธอยู่เบื้องหลัง เหมือนแย่งโครงการกัน นายสุทิน กล่าวว่า โดยธรรมชาติการค้าขายที่ไหนก็จะมีเรื่องของตัวแทนเป็นปกติ ส่วนจะเป็นเรื่องผลประโยชน์หรือแย่งชิงอะไรกันนั้นตนไม่รู้เลย แต่คิดว่าไม่ถึงขั้นนั้น หากได้ผลสรุปเรื่องเรือฟริเกตก็จะยืนอยู่บนหลักการเดิมคือ จีทูจี
เมื่อถามอีกว่า ให้คะแนนฝ่ายค้านในการอภิปรายครั้งนี้เท่าไหร่ จากเต็ม 10 นายสุทิน กล่าวว่า ไม่อยากไปด้อยค่าเขา แต่ก็ไม่ใช่เฉพาะกระทรวงกลาโหม ทุกกระทรวง 80-90% ของการอภิปรายเป็นเรื่องเก่ามาพูด ซึ่งเขาอาจถูกบีบโดยสังคมหรือใครไม่รู้ ไปบีบให้เขาต้องอภิปราย เพราะฉะนั้นเหมือนไปจับเขาขึ้นชก ในขณะที่เขายังไม่อยากชก สองคือเขาไม่พร้อมมันก็ออกมาแบบนั้นแหละ.