เรียกได้ว่าเงียบหายไปนานเลย สำหรับผู้จัดละครชื่อดัง “ไก่ วรายุฑ” ที่ก่อนหน้านี้ได้ออกมาโพสต์ ตัดพ้อ 3 ปีไม่มีงาน ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายหลายสิบล้านบาท ประกาศขายวราวิลล์ สตูดิโอราคามากกว่า 100 ล้าน พร้อมเผยครั้งแรกสาเหตุน้องชายคนเดียวเสียชีวิต ล่าสุด ไก่ วรายุฑ ได้ออกมาเปิดใจเป็นที่แรกถึงประเด็นดังกล่าว พร้อมพูดหมดเปลือกผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี “เบนซ์ พรชิตา” และ “เป็กกี้ ศรีธัญญา” เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

“ไก่ วรายุฑ” เผยว่า “จริงๆ มากกว่า 3 ปี เพราะ 3 ปีเรื่องสุดท้ายคือละครวาย ก่อนหน้านั้นมีโควิดโน่นนี่นั่นต่างๆ นานา ก็นานโขอยู่ที่ไม่มีงาน เราก็ชิลชิล สบายๆ บางทีเบื่อๆ ก็อยากบอกคนบ้างว่าเฮ้ย กูเบื่อแล้วนะ กูไม่มีงาน เสียใจก็เสียใจ แต่ก็เซฟตัวเอง ก็มีหลายคนห่วงบ้าง มันไม่มีเงินเข้า หลายปีมีแต่เงินออก เราก็รู้สึกว่าต้องเป็นแบบนี้ไปอีกนานมั้ย ชีวิตฉันต้องใช้เงินเก็บที่เก็บทั้งชีวิตอีกนานหรือเปล่า แต่ลูกน้องเรามีอยู่เยอะ เราก็ต้องเลี้ยงเขา ดูเขา ถ้าจะให้เด็กออก เคยปรึกษาเลขาฯ ว่าเจี๊ยบถ้าพี่จะหยุดรายการ ไม่ทำแล้วนะอลหม่าน ไม่ทำแล้วนะบางกอกกอสซิป พี่ก็อยู่ได้แล้ว เจี๊ยบบอกพี่ไก่เขามีลูก มีผัว มีพ่อแม่ต้องเลี้ยง ถ้าหยุดหนึ่งคน ครอบครัวอีก 5-6 คน หลายสิบเลยนะ ไม่ใช่แค่ตรงนั้น งั้นเราก็ทำก็ทำวะ เราต้องแบกบริวารเราด้วย

เราก็จ่ายเงินเดือนพนักงานอยู่ทุกเดือน เราอยากลดเขานะ เห็นบริษัทโน่นนี่ลด เราก็อยากลดบ้าง แต่พอหันไปซ้าย อีนี่ก็อยู่มาสิบกว่าปี อีนี่ก็อยู่กันมาสิบกว่าปี ก็ทำอะไรไม่ได้ (เหมือนอยู่กันเป็นครอบครัว ช่วงไม่มีงานถือว่าเป็นเจ้านายที่ดีที่ซัพพอร์ต?) เฮ้อ แต่มันก็เหนื่อย ช่วงสุดท้ายจริงๆ ไม่ไหวจริงๆ แล้ว เมื่อสองปีที่แล้ว ขอพูดหน่อย ขออนุญาตนะ บางคนพี่ไม่ไหวแล้ว แต่ก็ชดใช้ตามกฎหมายแรงงานทุกอย่าง เราให้เขา 10 กว่าคน ถามว่าเหนื่อยมั้ย เหนื่อย หนักมั้ยหนัก เยอะมั้ยก็เยอะอยู่ แต่ก็ต้องให้ไม่งั้นก็อีกหลายปี เราก็เก็บไว้ในส่วนที่ไปไม่รอดจริงๆ สงสารจริงๆ ตอนนี้จ้างให้อยู่เฉยๆ ก็หลายคนจริงๆ ตอนงานละครไม่มี เขาก็ไปกวาดบ้าน เช็ดบ้าน ก็โอเค เงินเดือนแต่ละเดือนตอนนั้นหลายล้านอยู่ 30 กว่าคน อาศัยตัวเองทำงานตั้งแต่เด็กๆ เก็บตังค์ไว้ก็พอได้เงินมา เรายังไม่เจ็บก็ยังสามารถช่วยเหลือจุนเจือคนอื่นได้ แต่ใกล้เจ็บเมื่อไหร่ก็ต้องมีระยะผ่อนว่าเอาไว้แค่นี้ที่เราจะดูแลเขาได้อีกหลายปี ตอนนี้ก็คำนวณนะว่าเงินเราเหลือแค่นี้ เด็กที่ไว้แค่นี้ งานมีแค่นี้ เราจะดูแลเขาได้อีกกี่ปี”

“ไก่ วรายุฑ” เผยต่อว่า ละครตอนนี้ไม่มี แต่เรากระหายอยากทำ เราเกิดจากละคร ก็อยากตายไปกับละคร เราอยากให้เห็นว่าอย่างน้อยฉันมีคุณค่าของตัวเอง ยังมีสมองที่จะผลิตให้คนอื่นดูได้ เราก็สามารถเอาเด็กสมัยใหม่มาร่วมคิดกับเรา และทำต่อไปได้ (ถือเป็นวิกฤติที่หนักสุดในชีวิต?) หนักค่ะ ตอนนี้สงสารตัวเองด้วย และสงสารนักแสดง ไม่ว่าใหม่หรือเก่า อย่างน้อยละครทุกช่องก็ผลิตน้อยลง ใช้ดาราน้อยลง ใช้ทีมงานน้อยลง ช่างผมช่างหน้าช่างเสื้อผ้าไฟกล้องอะไรก็น้อยลง ฉะนั้นเป็นวิกฤติ ทุกคนต้องอยู่ให้รอดให้ได้ ตอนนี้อยู่ยากกว่ายุคก่อนเยอะมาก เพราะเดี๋ยวนี้วิวัฒนาการมันสมัยใหม่ขึ้น แพลตฟอร์มมันเยอะขึ้น คนคิดอะไรที่มันต่างจากทีวีได้ มันสามารถออกอะไรก็ได้ เล่นอะไรก็ได้ที่อยากเสนอ คนก็ไปดูทางนั้น ทีวีมีขอบเขตจำกัดในการออกอากาศ มีเซ็นเซอร์มีโน่นนี่นั่น ความสนุกมันก็ลดน้อยลงกับการที่เราไปเปิดที่อื่น ตบกันเลย ด่ากันเลย กระชากหัวได้ทันที มันสนุกกว่า แต่ในทีวีมันลดลงนิดนึงแค่นั้นเอง สิ่งที่กลัวที่สุดตัวเองจะไม่มีคุณค่าในตัวเอง รู้สึกว่าวันนึงเดินไปไหนแล้ว คนไม่ทักไม่เรียกไม่รู้จัก ไม่พูดถึงละครหรือรายการเรา อยู่ได้มั้ยล่ะ รู้สึกอายตัวเองนะ ว่าเฮ้ย หายไปแล้วเหรอ ไม่มีตัวตนเหรอ ทำไมเราด้อยค่าแบบนี้ คนจำงานเราไม่ได้แล้วเหรอ ไม่ได้ ฉันต้องดิ้นรน ถึงตอนนี้ไม่มีงานก็ต้องดิ้นรน

(เราจัดการกับความรู้สึกตรงนี้ยังไง?) เราต้องไม่นอยด์ ต้องสร้างกำลังใจให้ตัวเอง ต้องขอบคุณแฟนๆ ละคร แฟนๆ รายการ แฟนๆ ไก่ที่ให้กำลังใจมาตลอด ตอนโพสต์ไป ไม่ว่าจะนักแสดง หรือแฟนๆ หรือใครก็ตาม เดินไปก็บอกว่าคุณไก่อย่าเสียใจนะ ฉันให้กำลังใจนะ ทำให้เรารู้สึกว่าเฮ้ย คนยังจำฉันได้อยู่ สิ่งนี้แหละ ที่ทำให้เราต้องทำอะไรขึ้นมาอีก ไม่ว่าอะไรก็ตาม ต้องหาโอกาสจากตรงนั้นให้ได้ ตอนนี้กำลังหาโอกาสให้คนรู้ว่าฉันยังอยู่นะ ปกติใครเครียดก็ให้มาที่บ้าน ไม่นอยด์ ไม่รู้สึกว่าต้องสลด ซึมเศร้า เพื่อ! ต้องหาความสุขให้ตัวเองเท่าที่เรามีและให้คนอื่นได้ตลอดเวลา ส่วนเรื่องที่จะขายสตูดิโอ “วราวิลล์” ใช่ค่ะ เพราะที่ทำเอาไว้ให้ตอนนั้นทำเป็นสตูดิโอถ่ายละคร แล้วสร้างเป็นบ้านเป็นอะไรไว้ให้ เพราะเรามีน้องชาย เราคิดว่ายังไงเราก็ต้องตายก่อนมัน มันก็ต้องดูแลไป แต่เขามาไปก่อนเรา เราก็ถามลูกเขาว่า เอามั้ยลูก ดูแลต่อ เขาบอกว่าไม่เอา ก็ทำยังไงล่ะ ก็ต้องจำหน่ายขายออกไป ทั้งที่รักนะ เราทำด้วยความรัก มันสวย ใครจะซื้อเราก็ยกให้หมดเลย ไม่เก็บ แวบแรกใจหายค่ะ ตอนตัดสินใจจะขาย แวบเลย แต่พอตัดใจได้แล้วก็ตัดเลย ขายเลย ถ้าได้เงินมา ลูกน้องเรายังอยู่ ไฟเรายังมี เราก็ต้องหาทำอะไรที่สนุกๆ เพื่อตัวเราเองและเพื่อตัวลูกน้องเราด้วย คิดว่าจะทำซีรีส์วาย ไม่ต้องมีใครจ้าง เราก็ไปซื้อเวลาเขาออกโฆษณาช่องไหนก็ได้ ก็อยากทำ ยังมีความรู้สึกว่ายังมีอะไรในชีวิตที่คนไม่เห็น ยังมีอีกเยอะ ต้องทำให้เขาเห็น ส่วนราคาก็ต่อรองกันได้ ติดต่อมาได้เลย ช่วงเชฟเทเบิ้ล จะเป็นอาหารในเรื่องปริศนากับสี่แผ่นดิน มีละครปริศนา สี่แผ่นดินให้ดู แล้วเสิร์ฟอาหารในยุคนั้น แม่พลอยเข้าในวังทำอะไรให้ที่บ้านกินบ้าง มีสตอรี่นิดนึง มีดนตรีสดด้วย”

“ไก่ วรายุฑ” เผยต่อว่า “ตอนน้องชายเสียชีวิตตกใจนะคะ เขาอยู่รพ.ได้สองวัน เราก็ไปเยี่ยมเขา ก็คุยกันปกติ เป็นอะไร หมอบอกว่าเกล็ดเลือดต่ำ อีกสองวันก็กลับบ้านได้แล้วล่ะ ไปดูร้านโน่นนี่นั่นเหอะ อยู่ได้สบาย นอนเล่นเกมสบายอยู่เลยค่ะ พูดคุยปกติเลย พอเช้าวันรุ่งขึ้น โทรศัพท์เข้ามาตีห้าครึ่ง เอ๊ะทำไมโทรศัพท์มาแต่เช้า ใครวะ เรารับ เพื่อนเขาโทรมาบอกว่า พี่ไก่ เป็ดเข้าไอซียู พี่ไก่ทำใจนะ หนัก สัก 5 นาทีก็วางไป แล้วโทรฯมาว่าตอนนี้ทำใจนะพี่ไก่ เพราะว่าสโตรก ไม่ใช่สโตรก ไม่ใช่สโตรกที่สมองนะ สโตรกในร่างกาย เส้นเลือดแตก อยู่รพ.แล้ว เครื่องมือรพ.หรือที่อื่นที่ใหญ่ๆ ก็ไม่มี เขาไม่สามารถเย็บเส้นเลือดทั้งตัวได้ เขาแตกทั้งตัว 10 นาทีเอง ไม่ใช่ไข้เลือดออกเลยค่ะ ก่อนไปนอนรพ. ไม่มีอะไรเลย เขาเข้ารพ.เพราะปวดหัวธรรมดา เป็นไข้ปวดหัวตัวร้อนขึ้นมาแล้วไปนอนรพ. ไม่ได้เป็นลม ไม่มีอาการใดๆ ที่รุนแรง ไปตรวจเกล็ดเลือดต่ำ แล้วหมอหาสาเหตุไม่ได้ว่าเป็นอะไรเกล็ดเลือดต่ำ ตอนแรกคิดว่าเป็นไข้เลือดออก แต่ก็ไม่ใช่ แค่ 2 วันเท่านั้นเอง สองวันยังปกติ วันที่ 3 สวัสดีเลย พี่ตกใจ ช็อก พูดไม่ออกเลย กำลังพูดว่าเดี๋ยวๆ พี่กำลังจะไปรพ. ก็บอกว่าไม่ต้องมาแล้วค่ะ พี่ไก่จัดการทางนี้แล้วกัน เดี๋ยวทางนั้นรพ.จัดการให้ เส้นเลือดใหญ่เส้นเลือดในตัวมันแตก แล้วแตกไปหมดพร้อมๆ กัน หมอเป็นเพื่อนเขาด้วยนะ นางพยาบาลก็เพื่อนเขา

คนคงไม่เห็น เพราะไม่ร้องให้ใครเห็นอยู่แล้ว แต่ตอนกลับบ้าน ขับรถเลยบ้านตัวเอง ลอยไป แล้วก็เฮ้ย มาอยู่ตรงนี้ได้ไง มันเหมือนฝัน เร็วมาก (พอคราวนี้น้องชายไม่อยู่ก็ไปไม่ถูก เพราะลูกเขาก็ไม่เอา?) ก็เลยขายดีกว่า เอาเงินมาทำสิ่งที่เรารักดีกว่า (ซุกเด็กเลี้ยงเด็กไว้?) (หัวเราะ) ขอบอกเลยนะคะ อยากเลี้ยงแต่ไม่มีใครให้เลี้ยง ไม่มี้ เขาไม่ให้เราเลี้ยง ไม่มีเลย ก็ไปเติมเมืองนอกสิเนอะ ไปไกลๆ หน่อย บาร์โฮสก็อยากไป อยากรู้เป็นยังไง แต่ไม่มีใครพาไปสักคน อยากรู้ว่าเขาเป็นยังไงกันบ้าง ไม่มีหนุ่มๆ เสนอตัวอยากดูแล มีแต่พี่เสนออยากดูแลเขา แต่เขาไม่สนอง ส่วนใหญ่มาเป็นน้อง ตอนนี้โสด ไม่มี บอกตรงๆ เคยมีอยู่คนนึง แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว โสดไม่สนิทค่ะ สามารถคุยได้ค่ะ ถึงมีก็ไม่รู้ เขาอยู่แดนไกล เราก็คุยได้ ยินดีเลย หัวใจยังสีชมพูอยู่นะคะ แต่ไม่มีใครมาเติมให้เรา ตอนนี้มีแพลนเยอะแยะเลยค่ะ ละครก็อยากทำอยู่ วันก่อนมีคนถามเราว่าทำไมเราไม่ทำครีม เราหน้าดีเพราะอะไร เราใช้ครีมของเราเองอยู่ เดี๋ยวจะไปค้นตำราตรงนั้น เรามีความรู้จากการไปญี่ปุ่นเกาหลี เดี๋ยวเอาทุกอย่างมารวมกันแล้วอาจทำขึ้นมาเพื่อยังชีพของตัวเองและให้แฟนๆ ละครได้ใช้ของที่เราใช้อยู่ แต่ต้องขอพิจารณานิดนึงว่าทำได้หรือเปล่า ไม่ดีก็ไม่ใช่วรายุฑเนอะ เอาของเฮงซวยมาขายก็โดนด่า ไม่คุ้ม ต้องลองดูก่อน ส่วนงานบันเทิงก็ไม่ทิ้ง อยากเสนองานละครตัวเองอีก”..