เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ภาพวงจรปิดที่ห้องสอบสวนของ สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ จับภาพได้ในขณะที่ ร.ต.อ.ธนาวุฒิ ดวงจินดา รอง สว.(สอบสวน) สภ.สำโรงเหนือ นำตัว นายวิมล อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในข้อหา ลักทรัพย์ในเคหสถาน มาสอบปากคำ และให้ผู้เสียหายชี้ยืนยันตัว แต่ในขณะที่พนักงานสอบสวนกำลังสอบปากคำผู้ต้องหารายนี้อยู่นั้น ปรากฏว่านายวิมล ผู้ต้องหา ซึ่งในขณะนั้นถูกใส่กุญแจมืออยู่ด้วย เจ้าตัวได้เอื้อมไปคว้าขวดเครื่องดื่มชูกำลังที่วางอยู่บนโต๊ะของพนักงานสอบสวน ต่อหน้าต่อตาตำรวจ ก่อนจะนำขวดเครื่องดื่มชูกำลังทุบที่พื้นเพื่อให้ขวดแตกแล้วใช้ขวดดังกล่าวพยายามจะปาดคอตัวเองและแทงคอตนเองหลายครั้ง

ร.ต.อ.ธนาวุฒิ ซึ่งเห็นแบบนั้นไม่รอช้าใช้เท้าถีบเข้ากลางอกผู้ต้องหาทันทีจนหงายท้องเสียหลักพิงกับเก้าอี้ ก่อนจะเข้าล็อกมือและแย่งขวดดังกล่าวออก โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในโรงพักอีก 2 นาย พากันเข้ามาระงับเหตุ จากนั้นจึงควบคุมตัวจะกลับห้องขัง แต่พบว่าผู้ต้องหามีบาดแผลที่คอเล็กน้อยและเจ้าหน้าที่ตำรวจบางนายถูกแก้วบาดจนมีแผลด้วยกัน ตำรวจจึงประสานอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูเข้าปฐมพยาบาล เบื้องต้นพบว่ามีบาดแผลไม่ลึกและไม่ถูกอวัยวะสำคัญจึงนำตัวผู้ต้องหารายนี้กลับเข้าห้องขัง ท่ามกลางความตื่นตกใจของผู้มาใช้บริการที่สภ.สำโรงเหนือแห่งนี้ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา

พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.สำโรงเหนือ เปิดเผยว่า สำหรับผู้ต้องหารายนี้ หลังจากที่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความว่าถูกคนร้ายมาโมยทรัพย์สินไปหลายรายการ และสามารถควบคุมตัวเอาไว้ได้ จึงแจ้งตำรวจให้ไปรับตัว แต่ในระหว่างที่กำลังสอบปากคำเพิ่ม ปรากฏว่าผู้ต้องหารายนี้ได้ก่อเหตุดังกล่าวตามภาพวงจรปิด ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหารายนี้ เคยก่อเหตุลักทรัพย์มาแล้วหลายครั้ง ล่าสุดไปก่อเหตุในท้องที่ของสน.บางนา พอถูกเจ้าของทรัพย์หรือตำรวจจับกุมตัวได้ ก็จะก่อเหตุในลักษณะเดียวกันด้วยการทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องให้ผู้เสียหายใจอ่อนสงสารไม่เอาความ ซึ่งก็เคยได้ผลมาแล้วหลายครั้ง รวมถึงครั้งล่าสุดที่สน.บางนา เนื่องจากมูลค่าความเสียหายไม่มาก กระทั่งล่าสุดมาก่อเหตุในท้องที่สำโรงเหนือซ้ำอีกจนถูกจับได้และก็พบว่าพยายามก่อเหตุทำร้ายตัวเองเพื่อหวังให้ผู้เสียหายใจอ่อน

ทั้งนี้จากประวัติพบว่ามีการก่อเหตุโดยเป็นนิสัยสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้เสียหาย ครั้งนี้จึงต้องดำเนินคดีให้เข็ดหลาบ โดยพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา ลักทรัพย์ในเคหสถาน / ทำให้เสียทรัพย์ / ขัดขวางการจับกุมของเจ้าหน้าที่ / และทำร้ายเจ้าหน้าที่