สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 8 เม.ย. เกี่ยวกับความคืบหน้า จากเหตุการณ์เขื่อนแตกที่เมืองออร์สก์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของแคว้นโอเรนเบิร์ก ตั้งอยู่บนเทือกเขาอูราล ทางตอนใต้ของรัสเซีย และมีพรมแดนติดกับคาซัคสถาน เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มวลน้ำมหาศาลไหลทะลักเข้าสู่พื้นที่ชุมชน จนต้องมีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 4,500 คน และบ้านเรือนมากกว่า 6,500 หลัง จมอยู่ใต้ระดับน้ำท่วมสูง


นายอเล็กซานเดอร์ คูเรนคอฟ รมว.สถานการณ์ฉุกเฉินรัสเซีย กล่าวระหว่างการลงสำรวจพื้นที่ด้วยตนเอง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ว่าแม้เมืองออร์สก์ ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ราว 200,000 คน เป็นพื้นที่ประสบภัย แต่ระดับน้ำของแม่น้ำสายหลักทุกสาย ที่ไหลผ่านแคว้นโอเรนเบิร์ก ซึ่งมีประชากรราว 560,000 คน เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากเขื่อนแตก และการที่ธารน้ำแข็งบนเทือกเขาอูราลละลายมาก และเร็วกว่าปกติ เนื่องจากภาวะโลกร้อน


ทั้งนี้ มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินระดับประเทศ ที่แคว้นโอเรนเบิร์กแล้ว ส่วนสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของรัสเซียคาดการณ์ ระดับน้ำในแม่น้ำอูราล ที่ไหลผ่านเมืองโอเรเบิร์ก ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในพื้นที่ จะเพิ่มขึ้นสู่ “ระดับอันตราย” ภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หลังระดับน้ำเพิ่มขึ้น 28 เซนติเมตรภายในวันเดียว


ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย สั่งให้มีการสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับ “ความบกพร่องและความประมาท” จากการละเมิดกฎหมายในการก่อสร้างเขื่อนแห่งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 2557


ด้านรัฐบาลคาซัคสถานเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น อนึ่ง ภูมิภาคหลายแห่งที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาอูราลในส่วนที่พาดผ่านรัสเซีย เผชิญกับน้ำท่วม ตั้งแต่ช่วงต้นของฤดูใบไม้ผลิปีนี้ เนื่องจากภาวะโลกร้อน ส่งผลให้ธารน้ำแข็งบนเทือกเขาอูราลละลายมากและเร็วกว่าปกติ.

เครดิตภาพ : AFP