เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานสำนักงานศาลปกครอง ได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า จากคดีสืบเนื่องจากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ ที่ อส.67/2564 หมายเลขแดงที่ อส.188/2566 ระหว่างสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กับพวกรวม 16 คน ผู้ฟ้องคดี กับ ผู้อำนวยการเขตวัฒนา กับพวกรวม 5 คน ผู้ถูกฟ้องคดี บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด หรือ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ทู จำกัด ผู้ร้องสอด โดยพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น ที่พิพากษาเพิกถอนใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอนหรือเคลื่อนย้ายอาคาร หรือเปลี่ยนการใช้อาคาร โดยไม่ยื่นคำขอรับใบอนุญาต ตามมาตรา 39 ทวิ ตามแบบ กทม.6 เลขที่ 18/2558 ลงวันที่ 23 ก.พ. 2558 ใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้าง ดัดแปลงรื้อถอนหรือเคลื่อนย้ายอาคาร หรือเปลี่ยนการใช้อาคารโดยไม่ยื่นคำขอรับใบอนุญาต ตามมาตรา ๓๙ ทวิ ตามแบบ กทม.6 เลขที่ 69/2558 ลงวันที่ 16 ก.ค. 2558 ใบรับแจ้งการก่อสร้าง ดัดแปลงหรือรื้อถอนอาคาร ตามมาตรา 39 ตรี ตามแบบ ยผ.4 เลขที่ 48/2559 ลงวันที่ 22 มิ.ย. 2559 ฉบับแก้ไข และใบรับแจ้งการก่อสร้าง ดัดแปลง หรือรื้อถอนอาคาร ตามมาตรา 39 ตรี ตามแบบ ยผ.4 เลขที่ 129/2560 ลงวันที่ 17 พ.ย. 2560 ที่ออกให้แก่ผู้ร้องสอด โดยให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่ออกหนังสือฉบับดังกล่าว ส่วนคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

ต่อมา ผู้ร้องในฐานะนิติบุคคลอาคารชุด แอชตัน อโศก ยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่อ้าง การที่ ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดให้เพิกถอนใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้างอาคารฯ ตามมาตรา 39 ทวิและใบรับแจ้งการก่อสร้างอาคารตาม มาตรา 39 ตรี ที่ออกให้แก่ผู้ร้องสอดทุกฉบับ โดยมีผลย้อนหลังจนถึงวันที่ออกหนังสือดังกล่าว ย่อมมีผลกระทบต่อการจดทะเบียนอาคารชุด แอชตัน อโศก หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดและการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับห้องชุดทำให้ผู้ร้องและเจ้าของร่วมไม่สามารถเข้าไปดูแลรักษาทรัพย์สินส่วนกลางและทรัพย์สินส่วนบุคคลได้ และในกรณีที่ผู้ร้องสอดไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้โครงการอาคารชุดแอชตัน อโศก มีทางเข้า-ออก ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3) โดยผู้อำนวยการสำนักการโยธา (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) จะต้องมีคำสั่งให้ผู้ร้องและเจ้าของร่วมระงับการใช้อาคารชุด แอชตัน อโศก เนื่องจากการก่อสร้างและเปิดใช้อาคารดังกล่าวไม่เป็นไปตามกฎหมายควบคุมอาคาร ผู้ร้องจึงเป็นบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียหรืออาจถูกกระทบจากผลคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในคดีนี้

นอกจากนี้ ผู้ร้องและเจ้าของร่วมเชื่อโดยสุจริตว่าการก่อสร้างอาคารดังกล่าวเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายและการอนุญาตให้ผู้ร้องสอดใช้ที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 23189 เลขที่ดิน 2161 ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เป็นทางผ่านเข้า-ออก โครงการ แอชตัน อโศก สู่ถนนอโศกมนตรีไม่ได้เป็นเหตุทำให้การใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนต้องเสียไปและไม่ได้กระทบต่อการให้บริการรถไฟฟ้าและพื้นที่จอดรถบริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสุขุมวิทและการเพิกถอนใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้างอาคารตามมาตรา 39 ทวิ และใบรับแจ้งการก่อสร้างอาคารตาม มาตรา 39 ตรี ที่ออกให้แก่ผู้ร้องสอดหรือรื้อถอนอาคารชุดจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้ร้องและเจ้าของร่วมในอาคารชุด แอชตัน อโศก อย่างร้ายแรงจนยากแก่การเยียวยาและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากผลแห่งคำพิพากษาดังกล่าว จะขยายวงกว้างออกไปมากกว่าเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่ผู้ฟ้องคดีจะได้รับ กรณีจึงมีเหตุที่ผู้ร้องจะขอให้พิจารณาคดีใหม่ ตามมาตรา 75 วรรคหนึ่ง (2) และ (3) แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542

ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของผู้ร้องไว้พิจารณา เนื่องจากผู้ร้องไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียหรืออาจถูกกระทบจากผลแห่งคดีที่จะมีสิทธิขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดีใหม่ได้ตามมาตรา 75 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองผู้ร้องยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อศาลปกครองสูงสุด

ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งที่ 351/2567 วินิจฉัยว่าการที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาเพิกถอนใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้างฯ และใบรับแจ้งการก่อสร้างฯที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ออกให้แก่ผู้ร้องสอด ย่อมมีผลในทางกฎหมายเพียงว่าผู้ร้องสอดก่อสร้างและดัดแปลงอาคารชุด โครงการ แอชตัน อโศก โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นเท่านั้นซึ่งเป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานท้องถิ่น ต้องไปพิจารณาดำเนินการตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ต่อไป แต่ไม่ได้มีผลเป็นการเพิกถอนการจดทะเบียนอาคารชุดหนังสือกรรมสิทธิ์ในห้องชุดและการจดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุดของโครงการ แอชตัน อโศก แต่อย่างใด และหากข้อเท็จจริงปรากฏต่อมาในภายหลังว่าเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ใช้อำนาจดำเนินการตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522  กับอาคารโครงการแอชตัน อโศก ก็ไม่เป็นการตัดสิทธิที่ผู้ร้องและเจ้าของร่วมจะใช้สิทธิทางศาลต่อไปกรณีจึงไม่อาจถือได้ว่าคำพิพากษาของศาลปกครองในคดีนี้มีผลกระทบต่อสิทธิและหน้าที่ของผู้ร้องและเจ้าของร่วมอาคารชุด โครงการแอชตัน อโศก ดังนั้นผู้ร้องจึงไม่ใช่บุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียหรืออาจถูกกระทบจากผลแห่งคดีนี้ในอันที่จะมีสิทธิยื่นคำขอให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาคดีหรือมีคำสั่งชี้ขาดคดีปกครองนั้นใหม่ได้ ตามมาตรา75 วรรคหนึ่งแห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 และเมื่อวินิจฉัยแล้วว่าผู้ร้องไม่ใช่บุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียหรืออาจถูกกระทบจากผลแห่งคดีนี้แล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่า มีเหตุที่ศาลปกครองจะพิจารณาคดีนี้ใหม่ได้ตามมาตรา 75 วรรคหนึ่ง (1) ถึง (4 ) ตามอุทธรณ์ของผู้ร้องหรือไม่ เพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป คำร้องอุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น

ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลาง ที่ไม่รับคำขอของผู้ร้องไว้พิจารณา.