เมื่อวันที่ 11 เม.ย. นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า รฟท. ได้จัดแผนอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 67 ตามนโยบายนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม โดยมอบให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จัดเตรียมความพร้อม เพิ่มตู้โดยสารจนเต็มหน่วยลากจูงในขบวนรถประจำทั้ง 214 ขบวนต่อวัน และเพิ่มขบวนรถเสริมพิเศษอีก 16 ขบวน ตลอดจนจัดเตรียมรถโดยสารสำหรับหมุนเวียนเพิ่มเติมอีก 40 คัน สามารถรองรับการเดินทางของผู้โดยสารได้ไม่ต่ำกว่า 100,000 คนต่อวัน ซึ่งมีจำนวนเพียงพอ จะไม่เกิดปัญหาผู้โดยสารตกค้างแน่นอน

นายนิรุฒ กล่าวต่อว่า ประชาชนได้ทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยวทางรถไฟในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย. 67 เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจราจรติดขัด โดยตั้งแต่วันที่ 5–10 เม.ย. 67 มีผู้โดยสารเดินทาง 443,045 คน เฉลี่ยวันละ 73,841 คน เส้นทางที่มีผู้โดยสารเดินทางหนาแน่นที่สุดคือ สายใต้ มีผู้โดยสารเดินทาง 155,737 คน รองลงมาคือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ 110,857 คน สายเหนือ 82,914 คน สายตะวันออก 59,054 คน สายมหาชัย 28,917 คน และสายแม่กลอง 5,566 คน

นายนิรุฒ กล่าวอีกว่า นอกจากการอำนวยความสะดวกในการเดินทางแล้ว รฟท. ยังให้ความสำคัญต่อการดูแลความปลอดภัยแก่ผู้โดยสาร โดยร่วมมือกับกองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดตั้งศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมบนรถไฟ โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัย ตรวจตราความเรียบร้อยบนขบวนรถ พร้อมแนะนำข้อปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยแก่ผู้โดยสารอย่างเคร่งครัด เช่น ห้ามนั่งหรือยืนบริเวณบันไดและข้อต่อของขบวนรถ ขณะเดียวกัน รฟท. ยังได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่ และพนักงานรักษาความปลอดภัยช่วยดูแลเพิ่มเติมอีกทาง พร้อมกับกำชับเจ้าหน้าที่ประจำสถานีให้ประกาศประชาสัมพันธ์เวลาขบวนรถโดยสารเข้า-ออก หรือขบวนรถล่าช้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้โดยสารทราบเวลาเดินทางล่วงหน้าได้อย่างชัดเจน

นายนิรุฒ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ รฟท. โดยฝ่ายช่างกล ยังได้จัดตั้งจุดตรวจการณ์อีก 14 จุดทั่วประเทศ สำหรับตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ สารเสพติดของพนักงานขับรถก่อนปฏิบัติหน้าที่ พร้อมกับให้ตรวจสอบความพร้อมของขบวนรถหลัก และจัดเตรียมขบวนรถสำรองตามจุดต่างๆ ทุกเส้นทาง เพื่อลดความล่าช้ากรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ตลอดจนจัดตั้งศูนย์ปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อหมุนเวียนเจ้าหน้าที่ เฝ้าระวังความปลอดภัยจากกล้องวงจรปิด CCTV ทั้งในสถานีรถไฟและบนขบวนรถทั่วประเทศ ตลอด 24 ชั่วโมง

นายนิรุฒ กล่าวอีกว่า รฟท. ยังได้ประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่น จัดอาสาสมัครเฝ้าระวังทางผ่านเสมอระดับรถไฟ–รถยนต์ ที่มีความเสี่ยง หรือบริเวณที่เป็นชุมชนหนาแน่น เพื่อป้องกันเหตุทั้งทางถนนและทางรถไฟ ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. 67 จนสิ้นสุดเทศกาลสงกรานต์ พร้อมกับได้นำระบบติดตามขบวนรถไฟ (TTS:Train Tracking System) ที่สามารถตรวจสอบเวลาและตำแหน่งขบวนรถทุกขบวนมาใช้ โดยระบบจะแสดงสถานะการเดินรถให้ทราบทันที ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารและผู้ที่มารอรับที่ปลายทาง สามารถวางแผนการเดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้น เป็นการยกระดับมาตรฐานการให้บริการ ช่วยสร้างความมั่นใจในการเดินทางตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางอย่างปลอดภัย

ทั้งนี้ รฟท. มั่นใจว่าจะสามารถรองรับการเดินทางของประชาชน ผู้โดยสาร ให้กลับถึงบ้านได้อย่างปลอดภัย ไม่ให้มีผู้โดยสารตกค้าง พร้อมกับได้รับความสะดวกสบาย แบบไร้รอยต่อ เป็นการยกระดับการขนส่งสาธารณะเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในการเดินทางของประชาชนต่อไป.