จากกรณีโลกออนไลน์แชร์คลิปเหตุการณ์ ชายคนหนึ่งกำลังไม่พอใจตำรวจขณะตั้งด่านเมาขับ ทำให้เกิดการโต้เถียงกันไปมา สุดท้ายชายคนดังกล่าวออกอาการจะเข้าไปหาเรื่องเจ้าหน้าที่ด้วยความไม่พอใจ กระทั่งภายหลัง นายสฤษดิ์ รัตนวงษ์ นายอำเภอยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ ออกมายอมรับว่าคนที่เข้าไปโต้เถียงตำรวจก็คือตนเอง ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง

เมื่อวันที่ 12 เม.ย. นายอนุพงษ์ สุขสมนิตย์ ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนได้ทราบข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว โดยท่านปลัดกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้ตนทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งตนได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้ว เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงทั้งหมดว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร พร้อมจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม ตนฝากไปถึงข้าราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยทุกคนของจังหวัดศรีสะเกษว่านโยบายของผู้บังคับบัญชาและระเบียบวินัยข้าราชการจะต้องถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประชาชน

ขณะที่ นายสฤษดิ์ รัตนวงษ์ นายอำเภอยางชุมน้อย เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ (11 เม.ย. 67) ตนทราบว่าหลานเขยโดนจับข้อหาเมาแล้วขับอยู่ที่แยกบายพาส พอตนไปถึงก็พบตำรวจตั้งด่าน จึงเข้าไปแสดงตัวบอกว่าเรื่องนี้ขอกันได้หรือไม่ จับปรับตรงนี้เลยได้หรือไม่ หากไม่ได้ก็ให้ดำเนินคดีไปตามกฎหมาย เพราะตัวหลานชายเพิ่งไปดื่มเหล้าในงานบุญและเป็นคนทำมาหากิน ไม่ได้ทำตัวเกเรอะไร ฝ่ายตำรวจก็บอกว่าต้องไปปรับที่ศาลเท่านั้น ตอนนั้นตนรู้สึกว่าฝ่ายตำรวจพูดจาน้ำเสียงไม่ให้เกียรติกัน ก็เลยรู้สึกโมโห อาจเป็นเพราะไม่ได้สวมชุดเครื่องแบบข้าราชการ ซึ่งตนก็ยอมรับว่าดื่มแอลกอฮอล์มาจริงแต่ไม่ได้มึนเมาแต่อย่างใด หลังโต้เถียงกันไปมา จังหวะก้าวเดินไปแล้วพลาดสะดุดล้มเซหาตำรวจ ไม่ได้ต้องการไปหาเรื่องผลักอกแน่นอน เพราะตนคงไม่กล้า เนื่องจากฝ่ายตำรวจมีปืน

“…เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ตนยอมรับผลที่จะตามมา สุดแท้แต่ผู้บังคับบัญชาจะพิจารณา แต่ตนขอยืนยันว่าภาพตามคลิปไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด เป็นคลิปที่ออกมาจากทางฝ่ายตรงข้ามเพียงด้านเดียว ตนปฏิบัติติหน้าที่ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัดและเปิดจุดตรวจกวดขันวินัยจราจรในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในเขตอำเภอยางชุมน้อยเพื่อป้องกันอุบัติเหตุอย่างเต็มที่ ส่วนการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงงานบุญนั้น ตนก็ดื่มเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพราะว่าเป็นงานบุญจึงมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตนได้รายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษทราบแล้ว และพร้อมที่จะให้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับคณะกรรมการสอบสวนที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษตั้งขึ้นมาด้วย…” นายสฤษดิ์ กล่าว.