สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 17 เม.ย.ว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า กองทัพยูเครนกำลังประสบกับปัญหาใหญ่ครั้งล่าสุด นั่นคือ การไม่มีขีปนาวุธและระบบป้องกันที่เพียงพอ สำหรับภารกิจปกป้องโรงไฟฟ้า “ทรีพิลสกา” ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนขนาดใหญ่ที่สุดของยูเครน ผลิตและจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับกรุงเคียฟ และเมืองอีกหลายแห่งที่อยู่ใกล้เคียง


ตลอดระยะเวลาเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมา เซเลนสกีกล่าวว่า กองทัพรัสเซียยกระดับโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบสาธารณูปโภคของยูเครนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงโครงข่ายพลังงานไฟฟ้า ส่งผลให้ประชาชนมากกว่า 1 ล้านคน ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้


ผู้นำยูเครนกล่าวด้วยว่า ในการโจมตีโรงไฟฟ้าทรีพิลสกาครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา ทหารรัสเซียยิงขีปนาวุธเข้ามา 11 ลูก กองทัพยูเครนสกัดได้ 7 ลูก แต่ขีปนาวุธอีก 4 ลูกสามารถสร้างความเสียหายให้กับโรงไฟฟ้า เนื่องจากทหารยูเครนไม่มีอาวุธป้องกันที่เพียงพอแล้ว


ทั้งนี้ ความล่าช้าของบรรดาพันธมิตรตะวันตกในการมอบความสนับสนุนให้แก่ยูเครนในระยะหลัง สร้างความไม่พอใจอย่างหนักให้กับรัฐบาลเคียฟ โดยเฉพาะการที่สภาคองเกรสสหรัฐ ซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ยังคงชะลอการลงมติงบประมาณช่วยเหลือยูเครนก้อนใหม่ มูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 2.2 ล้านล้านบาท ) เซเลนสกีกล่าวว่า หากไม่ได้รับความช่วยเหลือดังกล่าว กองทัพยูเครนจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย และ “ประเทศอื่นจะถูกรัสเซียรุกรานเช่นกัน”.

เครดิตภาพ : AFP