เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม จ.นนทบุรี นางฝน อายุ 33 ปี ได้พา นางสาวแป้ง ลูกสาววัย 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา เข้าร้องเรียนต่อ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิฯ ขอให้ช่วยติดตามคดี หลังถูก นายเอก (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี อดีตสามี ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของนางสาวแป้ง แอบติดตั้งกล้องไว้ในห้องน้ำและห้องนอนเพื่อแอบดูลูกสาวตัวเอง หลังเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แก้งสนามนาง จ.นครราชสีมา

นางฝน เล่าทั้งน้ำตาว่า ตนอยู่กินกับนายเอกมานาน 8 ปี มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน คือ น้องแป้ง ต่อมาตนได้แยกทางกับนายเอก โดยลูกสาวอยู่กับนายเอกตั้งแต่ยังเล็ก สามีมีอาชีพเป็นช่างติดตั้งกล้องวงจรปิด และเคยถูกจับคดียาเสพติดมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ถูกปล่อยตัวมา เนื่องจากถูกจับข้อหาเสพยาเสพติด แค่เพียงนำไปบำบัดรักษาแล้วก็ปล่อยตัวมา กระทั่งวันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจชุดสืบสวน สภ.แก้งสนามนาง ได้เข้ามาตรวจค้นที่บ้านนายเอก เพื่อตรวจหายาเสพติด และไปพบว่าคอมพิวเตอร์และกล้องวงจรปิดที่วางอยู่บนโต๊ะ มีภาพถ่ายโป๊ของน้องแป้ง ลูกสาวตัวเอง รวมทั้งหลานสาวนายเอกอีกคนหนึ่ง อายุ 27 ปี โดยเป็นภาพขณะที่ทั้งสองคนกำลังอาบน้ำในห้องน้ำ รวมทั้งยังพบแชตข้อความที่นายเอกส่งรูปลูกสาวกับหลานสาวไปให้เพื่อนและคุยกันในเชิงลามกเสียๆ หายๆ หยาบคายจนอ่านแทบไม่ได้ เมื่อสอบถามนายเอก อ้างว่าแค่ติดตั้งไว้เพื่อสังเกตพฤติกรรมของคนในบ้านเท่านั้น

ต่อมาวันที่ 18 เม.ย. ตนจึงพาลูกสาวและหลานสาวของนายเอก เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.แก้งสนามนาง เพื่อให้ดำเนินคดีกับอดีตสามี ในข้อหาอนาจาร แต่ตำรวจกลับบอกว่า ไม่สามารถดำเนินคดีได้ เนื่องจากยังไม่มีการถูกเนื้อต้องตัว อาจจะดำเนินคดีได้แค่เพียงก่อความเดือดร้อนเป็นเหตุให้ขุ่นข้องหมองใจ

หลังรับเรื่องทนายรณณรงค์ถึงกับอึ้ง รีบต่อสายหาพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีคือ พ.ต.ท.ปพน ชัยศักดิ์ศรี สาวรัตรสอบสวน สภ.แก้งสนามนาง ซึ่งก็ชี้แจงกลับมาในโทรศัพท์ว่า ในเบื้องต้นยังไม่มีการถูกเนื้อต้องตัวกัน จึงได้อธิบายไปกับคุณแม่อย่างนั้น แต่ตอนนี้ทางพนักงานสอบสวนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ออกหมายเรียกในข้อหาอนาจารกับนายเอกไปแล้ว ตามที่ผู้เสียหายต้องการ คุณแม่อาจจะสื่อสารและเข้าใจผิดที่ตนอธิบายไป ยืนยันเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยแจ้งข้อหาอนาจาร ตามที่ผู้เสียหายต้องการ

ด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า คดีนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ข้อหาอนาจาร ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท ตามมาตรา 278 แล้ว ทางมูลนิธิฯ จะตรวจสอบดูว่าผู้เป็นพ่อแท้ๆ รายนี้ มีการส่งภาพลามกของลูกสาวขณะแอบถ่ายไว้ให้กับเพื่อนๆ ที่พบว่าพูดคุยกันในแชต จะมีข้อหาตามมาอีกหลายข้อหาที่รุนแรงกว่าอนาจาร ยืนยันว่าการเป็นพ่อแม่ไม่มีสิทธิแอบถ่ายลูกสาว เพราะเป็นสรีระส่วนตัวของเขา การทำแบบนี้เข้าข่ายผิดกฎหมายอาญาหลายข้อหา จะต้องตรวจสอบและดำเนินการว่า พ่อแท้ๆ รายนี้ทำผิดข้อหาอะไรบ้าง เพื่อดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายตามที่ผู้เป็นแม่และลูกสาวต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด.