เมื่อวันที่ 21 เม.ย. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร กล่าวถึงกรณีการประชุมสภากลาโหมเมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ในฐานะประธานสภากลาโหม ได้มีข้อเสนอให้สภากลาโหมเห็นชอบร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม และร่าง พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร ว่าเห็นด้วยกับการแก้ไข พ.ร.บ. ทั้ง 2 ฉบับ เพียงแต่มีจุดที่ขอเสนอแนะเพิ่มเติมให้แก่ รมว.กลาโหม

นายวิโรจน์ กล่าวว่า การแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม จะต้องแก้ไขให้ตรงจุด โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการทำให้กองทัพยุติการเป็นรัฐซ้อนรัฐและต้องอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน สภากลาโหมควรมีกรอบอำนาจหน้าที่ในการให้คำแนะนำแก่ รมว.กลาโหมเท่านั้น สิทธิในการทักท้วงควรจะมีเฉพาะในประเด็นสำคัญเท่านั้น ไม่ควรมีอำนาจครอบงำการตัดสินใจของรัฐมนตรี ดังนั้นจำนวนสมาชิกในสภากลาโหม นอกจากจะปรับลดลงแล้ว ยังควรเพิ่มสัดส่วนของพลเรือนในสภากลาโหมให้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้การแต่งตั้งนายทหารระดับนายพล สมควรที่จะมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนและมีความโปร่งใส

นายวิโรจน์ กล่าวว่า สำหรับ พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร หัวใจสำคัญคือการให้บทบาทกับศาลยุติธรรมให้มากขึ้น ศาลทหารควรถูกใช้ในภาวะสงครามเท่านั้น และโครงสร้างของศาลทหาร จะต้องมีการตรวจสอบถ่วงดุลอย่างมีประสิทธิภาพ ระหว่างผู้พิพากษา อัยการ และทนายความ เพราะหากศาลทหารถูกตั้งข้อสงสัยจากนายทหารว่าไม่มีความเป็นธรรม หรือสามารถวิ่งเต้นใช้อำนาจระดับบังคับบัญชาแทรกแซงได้ ก็เสี่ยงอย่างยิ่งที่จะเกิดความรุนแรงและระบบศาลเตี้ยในแวดวงทหาร เหมือนกรณีที่เคยเกิดขึ้นที่ จ.นครราชสีมา  ทั้งนี้การแก้ไขกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ จะต้องแก้ไขให้ถึงแก่น ถ้าแก้ไขแบบผิวๆ จะเป็นการเสียโอกาสอย่างมาก

ด้าน ร.ท.ธนเดช เพ็งสุข สส.กทม. เขต 13 พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้เสนอร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ฉบับพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขอชื่นชมและสนับสนุนการเดินหน้าแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ตนหวังอยากเห็นความกล้าหาญและความจริงใจของ รมว.กลาโหม ในการเดินหน้าปฏิรูปกองทัพ หรือจะเรียกว่าพัฒนาร่วมกันตามคำของนายกฯ ก็ตาม  ทั้งนี้ในร่างของพรรคก้าวไกล เราเสนอแก้ไขมาตรา 25 เช่นกัน ให้การพิจารณาแต่งตั้งนายพลดำเนินการด้วยระบบคุณธรรม คัดเลือกผู้มีคุณสมบัติตามมาตรฐานของตำแหน่งต่างๆ โดยกำหนดให้คณะกรรมการที่ส่วนราชการตั้งขึ้นพิจารณาในขั้นตอนแรก แล้วส่งต่อให้ รมว.กลาโหมพิจารณาตามหลักเกณฑ์ของกระทรวง ตัดสิ่งที่เรียกว่า “ซูเปอร์บอร์ด” ในกฎหมายเดิม ซึ่งถูกตั้งขึ้นเพื่อลดบทบาทของ รมว.กลาโหม ให้เป็นเหมือนตรายางรับรองเท่านั้น

“ประเด็นนี้สำคัญตรงที่ว่าหากคุณสุทินไม่ตัดทิ้งซูเปอร์บอร์ดเพื่อดึงอำนาจกลับมาที่ รมว.กลาโหม อาจแปลได้ว่าสุดท้ายความมุ่งหวังที่อยากเห็นกองทัพอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือนผ่านความพยายามแก้ไขกฎหมาย ก็อาจเลือนราง” ร.ท.ธนเดชกล่าว