นายเอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ สามารถยกระดับให้ภาคธุรกิจมีศักยภาพมากขึ้น ทรูดิจิทัลมีแผนผลักดันการให้บริการเอไอ  เพื่อช่วยลดช่องว่างและ เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงดิจิทัลได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง โดยได้พัฒนาทั้งในส่วนของ ผู้ช่วยบริการลูกค้า เอไอ อัจฉริยะ และโซลูชันการค้าปลีกอัจฉริยะ รวมถึงคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์ด้วยเทคโนโลยี เอไอ ที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรต่างๆ ให้สามารถนำ AI มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจได้อย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด โดยคาดว่าใน 3 ปีข้างหน้า รายได้จากบริการดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะคิดเป็นสัดส่วน 30% ของบริการดิจิทัล จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 5 %

“เทคโนโลยี เอไอ สามารถนำมาสร้างระบบอัตโนมัติ ที่จะตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ อย่างมีจริยธรรม ด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง โดยมีการนำไปใช้จริงแล้วในหลากหลายกรณีศึกษา ในการนำข้อมูลมาวิเคราะห์และใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เพื่สนับสนุนให้ภาคธุรกิจเข้าสู่ยุค เอไอ เฟิรส์ ได้อย่างเต็มรูปแบบ”

เอกราช ปัญจวีณิน

นายเอกราช กล่าวต่อว่า   คุณสมบัติที่โดดเด่นของเทคโนโลยี เอไอ ด้านความเชี่ยวชาญในการประมวลผล และวิเคราะห์ฐานข้อมูลมหาศาลมาพัฒนาเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถนำข้อมูลจากหลากแหล่งมาวิเคราะห์และประมวลผลเชิงลึก เพื่อให้องค์กรต่างๆ สามารถนำไปใช้ในการต่อยอดธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ สร้างเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและเสริมแกร่งการเติบโตอย่างยั่งยืนตลอดจนตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคดิจิทัลได้อย่างตรงใจ  พร้อมยกระดับประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคล   เพิ่มผลิตผล รวมถึงประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย

ด้านนายปิยะพันธุ์ นาคะโยธิน หัวหน้าสายงานด้านบริการลูกค้า บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น  กล่าวว่า ทรู ได้พัฒนา นวัตกรรมผู้ช่วยบริการลูกค้า เอไอ อัจฉริยะ มะลิ ที่สามารถให้บริการทั้งในระบบแชต และบริการแบบเสียงโดย ใช้เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ จดสิทธิบัตรภายใต้ชื่อ ทรู วอยซ์  โดยปัจจุบัน ได้เริ่มให้บริการ ลูกค้าบางกลุ่มผ่านระบบเสียงของ มะลิ  และจะขยายบริการสู่กลุ่มลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น ใน 1 เดือน ข้างหน้า

นายบัณฑิต แพงป้อง หัวหน้าสายงานด้านไอทีและความปลอดภัย บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เล่าถึงเทคนิคของทีมงานทรู คอร์ปอเรชั่น ที่นำเทคโนโลยี AI มาปรับใช้ในการพัฒนาโซลูชันให้สำเร็จได้ในเวลาอันรวดเร็วยิ่งขึ้น “AI ช่วยลดเวลาการทำงานจากเดิมที่เคยใช้ระยะเวลาเป็นวันๆ หรือหลายสัปดาห์ ให้เหลือเพียงภายในไม่กี่ชั่วโมง อีกทั้งการพัฒนาโมเดลปัญญาประดิษฐ์ขึ้นเองภายในบริษัท ยังทำให้มั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ตลอดจนช่วยให้นักพัฒนาของเราสามารถต่อยอดสร้างสรรค์และส่งมอบโซลูชันใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วเพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้า นอกจากนี้ AI ยังทำหน้าที่ได้เสมือนเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมงานที่ช่วยเสริมกำลังและเติมเต็มทีมงานที่ให้บริการลูกค้า ขณะที่ลูกค้า จะได้รับบริการผ่านระบบแชตของ Mari ที่สามารถช่วยเปรียบเทียบดีไวซ์ หรือแม้กระทั่งช่วยแก้ไขปัญหาด้านเทคนิคให้แก่ลูกค้าด้วยน้ำเสียงและภาษาที่เป็นธรรมชาติเสมือนมนุษย์”

น.ส.ศรินทร์รา วงศ์ศุภลักษณ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้แบ่งปันมุมมองถึงแนวทางในการทรานสฟอร์มวัฒนธรรมองค์กร จากการเป็นองค์กรดิจิทัลก้าวล้ำไปสู่องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI อย่างแท้จริง โดยทรู คอร์ปอเรชั่น ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถด้านดิจิทัลมากกว่า 5,000 คนภายในปี 2568

ศรินทร์รา วงศ์ศุภลักษณ์

น.ส.ศรินทร์รา กล่าวว่า องค์กรจำนวนมากในประเทศไทย มีศักยภาพพร้อมประยุกต์ใช้ AI หรือ ‘AI Ready’ ซึ่งหมายความว่าองค์กรเหล่านี้มีข้อมูล (ดาต้า) ที่ถือครองเป็นของบริษัทและมีการริเริ่มใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการดำเนินธุรกิจ แต่การที่จะเป็น ‘AI-First’ และสามารถนำ AI มาขับเคลื่อนองค์กร ตลอดจนพัฒนานวัตกรรมบริการต่างๆ ได้นั้น จำเป็นต้องเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร จากเดิมที่ใช้ประสบการณ์เป็นพื้นฐานหรือมีผู้นำในการตัดสินใจ ไปสู่การตัดสินใจบนพื้นฐานของการใช้ข้อมูลเป็นสำคัญ

ซึ่งหากเราได้เห็นทีมงานที่พัฒนานวัตกรรม Mari ผู้ช่วยบริการลูกค้า AI อัจฉริยะ จะเห็นได้ว่าเป็นทีมงานที่มาจากแผนกต่างๆ ที่ทำงานร่วมกันอย่างคล่องตัว ทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด้านไอที การวิเคราะห์ข้อมูล การยกระดับประสบการณ์และงานบริการลูกค้า หรือแม้แต่หน่วยงานโรโบติกส์ที่พัฒนาหุ่นยนต์ Mari รุ่นใหม่ในรูปแบบ Humanoid อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ จะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบได้นั้น จะต้องสร้างการเปลี่ยนแปลงโดยเริ่มตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูง ซึ่งองค์กรที่จะเป็น AI First จำเป็นต้องมีผู้บริหารระดับสูง (C-Suite) ที่เข้าใจในเทคโนโลยีใหม่นี้ และมีวิสัยทัศน์กว้างไกลพอที่จะดึงเทคโนโลยี AI มาใช้ขับเคลื่อนองค์กร